ขอแสดงความนับถือ

ขอแสดงความนับถือ

 

หลังมีเหตุจำเป็นต้องเว้นวรรคมาระยะหนึ่ง

ที่สุดหลังเทศกาลสงกรานต์ ก็มีเรื่องน่ายินดี

เมื่อ “นิธิ เอียวศรีวงศ์” กลับมาพบผู้อ่านอีกครั้ง

กลับมาพร้อมกับเรื่องที่อยู่ในความสนใจของผู้คน

นั่นก็คือ นโยบายแจกเงินดิจิทัลมูลค่า 10,000 บาทของพรรคเพื่อไทย

 

ทั้งนี้ อาจารย์นิธิแจ้งไว้เสียแต่ต้นๆ

ว่าไม่ใช่แฟนพรรคเพื่อไทย

และไม่ใช่แฟนทักษิณ ชินวัตร

จึงไม่ได้คาดหวังว่าพรรคเพื่อไทยจะทำอะไรที่แตกต่างจากรัฐบาลไทยที่ผ่านๆ มา

เพียงแต่ทำแรงกว่า

จนระบบราชการไทยที่เฉื่อยชาต้องขยับตัวทำตาม

และมีผลกระทบกว้างไกลในหมู่ผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งมากกว่านโยบายเดียวกันของรัฐบาลไทยอื่นๆ ซึ่งมักนิยมความเหยาะแหยะ เพื่อเปิดช่องให้เกิดการต่อรองจากพันธมิตรได้สะดวก

อย่างไรก็ตาม แม้จะผลสะเทือนสูง แต่อาจารย์นิธิก็เห็นว่านโยบายเงินดิจิทัล 10,000 บาทของพรรคเพื่อไทยจะไม่กระตุ้นเศรษฐกิจไทยนัก

ทำไมถึงเป็นเช่นนั้น

 

ข้อเขียนในมติชนสุดสัปดาห์ฉบับนี้ อาจารย์นิธิพยายามให้มุมมองของตนเอง

ซึ่งมีหลายประการ แตกต่างจากหลายๆ คน

เช่น สิ่งที่นักวิชาการและสื่อเรียกว่า “ประชานิยม” นั้น

อาจารย์นิธิกลับเห็นว่า ข้อเสนอแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาทของพรรคเพื่อไทย มีความเป็นประชานิยมน้อย จนเกือบไม่เป็นเลย

นี่เป็นอีกมุมมองที่น่าสนใจว่าทำไมจึงมองเช่นนั้น

เช่นกันนอกจากไม่ “ประชานิยม” แล้ว อาจารย์นิธิยังเห็นว่า นโยบายนี้ยังไม่เกี่ยวอะไรกับวินัยทางการเงินอีกด้วย

โดยชี้ว่า “วินัยทางการเงินการคลัง” เป็นคำที่ถูกนักวิชาการไทยใช้บ่อยมากเวลาที่คิดอะไรไม่ออกว่าจะวิจารณ์นโยบายอย่างไร

แต่ไม่เคยได้ยินนักวิชาการพูดถึง “วินัยทางการเงินการคลัง” เลย เมื่อกองทัพจัดซื้อเรือดำน้ำ, พยายามหาทางซื้อ F35, ตั้งนายพลเป็นโหลๆ หรืองบประมาณจำนวนมหาศาลของกระทรวงกลาโหม

“วินัยทางการเงินการคลัง” จึงไม่ควรหมายถึงเพียงตัวเลขที่จำกัดอำนาจทางการเงินของรัฐ

แต่ควรหมายถึงวิธีการใช้ที่สมเหตุสมผล, ตรวจสอบได้ทั้งโดยสภาและพลเมือง, สุจริต และประหยัด

ซึ่งอาจารย์นิธิแปลว่าใช้เงินอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุดนั่นเอง

แล้วเงิน 5 แสนล้าน ที่เพื่อไทยเสนอจะมีประสิทธิภาพหรือไม่

แน่นอน ตอนนี้ยังไม่ทราบ จนกว่าจะได้เห็นว่ารัฐบาลเพื่อไทย (หากชนะการเลือกตั้ง) จะลงมือทำ

นี่คือสิ่งที่ท้าทายพรรคเพื่อไทย

หลังจากที่ทำให้นโยบายเงินดิจิทัล 10,000 บาท ประสบความสำเร็จในขั้นต้น

คือดึงดูดความสนใจ ทั้งในฝ่ายที่สนับสนุน และจากฝ่ายที่เป็นคู่แข่งจนต้องขยับตัว ตั้งรับ และตอบโต้กลับกันขนานใหญ่

แต่ในความสำเร็จของการตีฆ้องร้องเปล่านั้นแล้ว

สิ่งที่ต้องพิสูจน์ให้ได้ นั่นคือ รายละเอียดของโครงการ ที่จะทำให้ประชาชนเชื่อมั่น และเทคะแนนให้

การปล่อยให้เกิดความไม่ชัดเจน คลุมเครือ

อาจจะนำไปสู่สิ่งที่อาจารย์นิธิตั้งข้อสังเกตไว้ก็ได้

นั่นคือ

 

“…ผมพูดถึงนโยบายนี้ตามที่พรรคเพื่อไทยประกาศให้รู้

อาจมีเงื่อนไขอื่นๆ ที่ยังไม่ได้ประกาศอีกก็ได้

ผมไม่ทราบ

แล้วทำไมพรรคจึงต้องกระมิดกระเม้นกับนโยบายที่ตนเสนอ แทนที่จะทำให้โปร่งใสมาแต่ต้น

ผมก็ไม่ทราบ แต่เอาเฉพาะเงื่อนไขที่ประกาศให้ทราบ

ผมเก็งว่าจะมีผลกระตุ้นเศรษฐกิจน้อยมาก หรือไม่กระตุ้นเลย…”

มุมมองเช่นนี้ เป็นการบ้านชิ้นใหญ่ที่เพื่อไทยต้องรีบแก้และชี้แจง

หากหวังที่จะไปถึงเป้าหมายแลนด์สไลด์ที่ตั้งไว้ •