ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 17 - 23 มีนาคม 2566 |
---|---|
คอลัมน์ | ขอแสดงความนับถือ |
เผยแพร่ |
ขอแสดงความนับถือ
คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ปัจจุบัน เป็นชุดที่ 5
ปฏิบัติหน้าที่อยู่ 6 คน กำลังสรรหาอีก 1 คน เพื่อให้ครบ 7 คน
1. นายอิทธิพล บุญประคอง ประธาน กกต.
ประวัติการทำงานสำคัญที่ผ่านมา
เอกอัครราชทูต ณ กรุงเฮก ราชอาณาจักรเนเธอร์แลนด์ และเอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรแห่งประเทศไทยประจำองค์การเพื่อการห้ามอาวุธเคมี
ผู้แทนพิเศษของรัฐบาลไทยในการรณรงค์หาเสียงสนับสนุนการสมัครเข้ารับเลือกตั้งของไทยในตำแหน่งสมาชิกไม่ถาวรของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ
2. ศาสตราจารย์สันทัด ศิริอนันต์ไพบูลย์
ประวัติการทำงานที่สำคัญ
ศาสตราจารย์ประจำสายวิชาเทคโนโลยีสิ่งแวดล้อม คณะพลังงานสิ่งแวดล้อมและวัสดุ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี
กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิพิจารณาข้อเสนอโครงการวิจัยที่เสนอต่อสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.)
3. นายฉัตรไชย จันทร์พรายศรี
ประวัติการทำงานที่สำคัญ
อธิบดีผู้พิพากษาภาค 1
ผู้พิพากษาศาลฎีกา
ประธานศาลอุทธรณ์ภาค 1
ผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลฎีกา
4. นายปกรณ์ มหรรณพ
ประวัติการทำงานที่สำคัญ
อธิบดีผู้พิพากษาภาค 4
รองประธานศาลอุทธรณ์ภาค 4
รองประธานศาลอุทธรณ์ภาค 9
รองประธานศาลอุทธรณ์
ผู้พิพากษาศาลฎีกา
5. นายเลิศวิโรจน์ โกวัฒนะ
ประวัติการทำงานที่สำคัญ
เลขาธิการสำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม
อธิบดีกรมชลประทาน
รองปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
6. นายฐิติเชฏฐ์ นุชนาฏ
ประวัติการทำงานที่สำคัญ
ที่ปรึกษาประธานศาลรัฐธรรมนูญ (นายนุรักษ์ มาประณีต)
ประธานกรรมการตรวจสอบและประธานคณะกรรมการพัฒนากฎหมาย องค์การตลาด (กต.) กระทรวงมหาดไทย
กรรมการตรวจสอบ (Audit Committee) การท่าเรือแห่งประเทศไทย (กทท.)
มีนายแสวง บุญมี ดำรงตำแหน่งเลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้งและนายทะเบียนพรรคการเมือง
อนึ่ง ที่ กกต.ปัจจุบันเหลือ 6 คน เนื่องจากนายธวัชชัย เทอดเผ่าไทย กกต.มีอายุครบ 70 ปี ไปเมื่อวันที่ 30 ธันวาคม 2565 ทำให้ต้องพ้นจากตำแหน่ง กกต.
ตอนนี้กำลังอยู่ระหว่างการสรรหาคนมาแทน
ยกข้อมูลพื้นฐาน ลุ่นๆ ดิบๆ มาให้อ่าน
อ่านด้วยเชื่อว่า คนไทยเกินกว่าครึ่ง จำชื่อ กกต.ที่เป็นกลไกสำคัญในการดูแลการเลือกตั้ง ไม่ได้
เลยนำมาทบทวนความจำให้
ซึ่งสะท้อนอะไร
สะท้อนว่า กกต.เป็นอิสระ ลอยตัวห่างและเหนือประชาชนเหลือเกิน
ที่ผ่านมาต้องยอมรับว่า กกต.ทั้ง 6 คน ซึ่งมากด้วยคุณวุฒิ
แต่กลับ “สื่อสาร” กับประชาชนน้อยมาก
เราแทบมิอาจล่วงรู้ว่าการตัดสินใจ (ที่ผิดพลาดและต้องแก้ไขในหลายเรื่อง)
การสอบถาม บอกกล่าว ตรวจทาน หยั่งเชิง กับประชาชนแทบไม่เคยเกิดขึ้น
ทั้งที่ในหลายกรณี หากมีการสื่อสาร แลกเปลี่ยนกับประชาชน
อาจทำให้การตัดสินใจรอบคอบ และได้หยั่งเสียงประชาชน ว่าเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยอย่างไร
ซึ่งการตัดสินใจโดยฟังประชาชน หรือสังคมมากๆ
ก็เหมือนมีผนังทองแดง กำแพงเหล็กเป็นหลังพิงให้
ไม่ยืนโดดเดี่ยวใน “บ้านร้าง” อย่างที่เป็นอยู่
อย่างที่เราทราบ กกต.ต้องปฏิบัติงานภายใต้แรงกดดันอย่างหนักหน่วง
ลำพังการตัดสินใจเพียง 6 คน มิอาจต้านทานแรงกดดันได้แน่ๆ
กกต.ต้องเป็นแนวร่วมกับประชาชน
สามารถโยนประเด็นต่างๆ ให้เป็นเรื่องรับรู้ของสาธารณะ อย่างกว้างขวางที่สุด
มิใช่ซุกตัวอยู่ “ก้นหีบเลือกตั้ง” อย่างเงียบเชียบ
เพราะนอกจากจะไม่ได้แง่มุมอันเปิดกว้างแล้ว
ยังมีระยะห่างจากประชาชนมากยิ่งขึ้นทุกทีๆ
ใน “มติชนสุดสัปดาห์” ฉบับนี้
พล.อ.จารุภัทร เรืองสุวรรณ อดีต กกต. ได้นำบทเรียนในอดีต มาสอนใจ กกต.รุ่นน้อง ผ่านบทความพิเศษ
“กกต. (กูเกือบตาย)
มา 5 คุก 2 ตาย 2 เหลือ 1”
เป็นชะตากรรมที่ชวนสยดสยองอย่างยิ่ง
โคลงบทหนึ่งซึ่ง พล.อ.จารุภัทรบอกว่าบิดาย้ำนักย้ำหนาให้ท่องจำให้ได้ คือ
“ความรู้ คู่เปรียบด้วย กำลังกายแฮ
สุจริต คือเกราะบัง ศาสตร์พร้อง
ปัญญา ประดุจดัง อาวุธ
กุมสติ ต่างโล่ป้อง อาจแกล้ว กลางสนาม”
ถูกนำมาเป็นคาถาหรือยาวิเศษคุ้มครองให้ผ่านมรสุมการเมืองได้
ผ่านได้อย่างไร 6 กกต.ควรต้องรีบอ่าน
อ่านเพื่อใช้เป็นบทเรียน
ด้วยการยุบสภากำลังจะเกิดขึ้น
ภาระอันหนักอึ้งที่ต้องแบก มาถึงแล้ว!! •
สะดวก ฉับไว คุ้มค่า สมัครสมาชิกนิตยสารมติชนสุดสัปดาห์ได้ที่นี่https://t.co/KYFMEpsHWj
— MatichonWeekly มติชนสุดสัปดาห์ (@matichonweekly) July 27, 2022