ท็อปส์ ส่งต่อความยั่งยืนสู่ชุมชนและผืนป่า ชวนบริโภค “น้ำมันเมล็ดคามีเลียภัทรพัฒน์” ผลิตภัณฑ์คุณภาพสูง ดีต่อสุขภาพ จากมูลนิธิชัยพัฒนา

กรุงเทพฯ 1 กันยายน 2565: ท็อปส์ ผู้นำธุรกิจฟู้ดรีเทลของไทย ในเครือเซ็นทรัล รีเทล พร้อมเป็นส่วนสำคัญในการส่งเสริมให้เกิดการบริโภค “น้ำมันเมล็ดคามีเลีย ภัทรพัฒน์” หรือที่รู้จักในอีกฉายาว่า “น้ำมันมะกอกแห่งโลกตะวันออก” ให้ประชาชนได้รับรู้ถึงคุณประโยชน์ เกิดการบริโภคอย่างแพร่หลาย จำหน่ายในราคาสุดพิเศษเพียง 129 บาท ตั้งแต่วันนี้- 4 ตุลาคม 2565 พร้อมจัดงาน CHEF’S SIGNATURES Camellia Seed Oil เปิดตัว 3 เมนู ใหม่ ที่ใช้น้ำมันเมล็ดคามีเลียในการปรุงโดยเชฟมืออาชีพ จำหน่ายที่เซ็นทรัล อีทเทอรี สาขาเซ็นทรัลชิดลม และ เซ็นทรัลเวิลด์ ภายในงานได้รับเกียรติจาก ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล เลขาธิการมูลนิธิชัยพัฒนา พร้อมด้วย  คุณสุพัตรา จิราธิวัฒน์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สำนักนโยบายองค์กรสัมพันธ์และภาพลักษณ์ บริษัท กลุ่มเซ็นทรัล จำกัด, คุณภากมล รัตตเสรี กรรมการและรองเหรัญญิก มูลนิธิชัยพัฒนา และ คุณพรรณิยา บิณษรี ผู้อำนวยการโครงการศูนย์วิจัยและพัฒนาชาน้ำมันและพืชน้ำมัน ร่วมงาน

นายจักรกฤษณ์ จตุปัญญาโชติกุล รองกรรมการผู้จัดการฝ่ายการตลาด, ประชาสัมพันธ์ และกิจกรรมเพื่อสังคม บริษัท เซ็นทรัล ฟู้ด รีเทล จำกัด ในเครือเซ็นทรัล รีเทล กล่าวว่า ท็อปส์ ได้ร่วมสานต่อเจตนารมย์ในการส่งต่อผลิตภัณฑ์คุณภาพ สนับสนุนให้คนไทยรู้จักประโยชน์จากน้ำมันเมล็ดคามีเลีย ซึ่งปัจจุบันยังไม่เป็นที่รู้จักอย่างแพร่พลาย และเป็นที่นิยมบริโภคเฉพาะกลุ่มเท่านั้น ท็อปส์จึงใช้ศักยภาพของความเป็นผู้นำซูเปอร์มาร์เก็ตที่มีจุดแข็งด้านช่องทางจัดจำหน่ายสินค้าที่หลากหลาย สามารถเข้าถึงทุกกลุ่มผู้บริโภค ช่วยประชาสัมพันธ์ให้ลูกค้ารับรู้ถึงคุณประโยชน์ของ น้ำมันเมล็ดคามีเลีย สนับสนุนให้เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ดีต่อสุขภาพ มีคุณภาพสูง ในราคาที่เข้าถึงได้มากยิ่งขึ้น ร่วมถึงเป็นช่องทางจัดจำหน่าย น้ำมันเมล็ดคามีเลีย ภายใต้ตราผลิตภัณฑ์ ภัทรพัฒน์ ของมูลนิธิชัยพัฒนา ที่ได้ริเริ่มศึกษาและทดลองปลูกต้นชาน้ำมันสายพันธุ์คามีเลีย โอลิเฟร่า (Camellia Oleifera) จากประเทศจีน เพื่อผลิตในประเทศไทย ตามแนวพระราชดำริของสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ด้วยทรงมีพระราชประสงค์ให้ประชาชนคนไทยมีสุขภาพที่ดีจากวัตถุดิบที่มีคุณภาพพร้อมรับรู้ถึงคุณประโยชน์ทางโภชนาการรวมทั้งเป็นการสร้างรายได้เพื่อบรรเทาความยากจน และให้ประชาชนใช้ประโยชน์จากผืนป่าในลักษณะเกื้อกูลกันอย่างยั่งยืน

ทั้งนี้เพื่อตอกย้ำความเป็นผู้นำฟู้ดเดสติเนชัน (Food Destination) นอกจาก ท็อปส์ จะเป็นหนึ่งในช่องทางจัดจำหน่ายแล้ว ยังได้จัดงาน CHEF’S SIGNATURES Camellia Seed Oil เปิดตัว 3 เมนูคุณภาพที่รังสรรค์โดยสุดยอดเชฟมืออาชีพจากเซ็นทรัลอีทเทอรี ได้แก่ มะเขือเทศแอร์ลูมและมอสซาเรลล่าชีสนมควาย (Heirloom Tomato , Buffalo Mozzarella & Italian Basil) เมนูเรียกน้ำย่อยที่คัดสรรวัตถุดิบชั้นเลิศอย่างมะเขือเทศแอร์ลูม ชีสบ็อคคอนชินี่ และเพิ่มความหอมด้วยอิตาเลี่ยนเบซิล, เฟตตูชินีคามีเลีย (Fettuccine Alla Camellia, Tiger Prawns & Chilli) พาสต้าเส้นสดหน้ากุ้งลายเสือ ที่เพิ่มความฉ่ำของเส้นด้วยน้ำมันเมล็ดคามีเลีย และ แซลมอนโพรวองซ์ (Salmon Provencal, Potatoes & Rouille) แซลมอนออโรร่าย่างสุกพอดี เสิร์ฟพร้อมมันฝรั่งและซอสสไตล์ฝรั่งเศส โดยทั้ง 3 เมนู ใช้น้ำมันเมล็ดคามีเลียภัทรพัฒน์ พร้อมจำหน่ายให้กับลูกค้าที่เซ็นทรัล อีทเทอรี สาขาชิดลมและเซ็นทรัล เวิลด์ หรือสั่งผ่าน GrabFood เลือก Central Eatery เสิร์ฟความอร่อยถึงบ้าน

สำหรับ น้ำมันเมล็ดคามีเลีย เป็นน้ำมันที่มีผลการศึกษาว่ามีคุณประโยชน์ทางโภชนาการที่หลากหลาย จากข้อมูลของศูนย์วิจัยและพัฒนาชาน้ำมันและพืชน้ำมัน มูลนิธิชัยพัฒนา พบว่า น้ำมันเมล็ดคามีเลีย เป็นน้ำมันที่มีคุณภาพเทียบเท่าน้ำมันมะกอก มีโอเมก้า 9 สูง มีองค์ประกอบของไขมันที่ดีต่อร่างกาย ไม่มีกรดไขมันทรานส์ทำให้ร่างกายสามารถดูดซึมวิตามินเอ ดี อี เค ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และยังมีจุดเกิดควันสูงถึง 252 องศาเซลเซียส ซึ่งปลอดภัยต่อสุขภาพมากกว่าน้ำมันที่มีจุดเกิดควันต่ำ ลดความเสี่ยงต่อการได้รับสารก่อมะเร็งที่มีในควันน้ำมัน ถือเป็นน้ำมันที่ดีต่อสุขภาพของคนทุกช่วงวัย จนได้รับการรับรองคุณภาพมาตรฐานจากองค์การอาหารและยา และมูลนิธิโรคหัวใจได้อนุญาตให้ใช้ตราสัญลักษณ์ “อาหารรักษ์หัวใจ” ในสินค้าน้ำมันเมล็ดคามีเลีย ภัทรพัฒน์

นายจักรกฤษณ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ท็อปส์ ในฐานะผู้นำธุรกิจฟู้ดรีเทลของไทย ที่มุ่งยกระดับคุณภาพชีวิตที่ดี ควบคู่ไปกับการสร้างความยั่นยืนให้กับผู้คน ชุมชน และสิ่งแวดล้อม การร่วมสนับสนุนส่งเสริมและประชาสัมพันธ์ให้น้ำมันเมล็ดคามีเลียให้เป็นที่รู้จักและมีการใช้ประโยชน์อย่างแพร่หลาย จะสร้างประโยชน์มากมาย เป็นการส่งต่อความช่วยเหลือไปยังกลุ่มเกษตรกรผู้อยู่เบื้องหลังผลผลิตคุณภาพ ที่สร้างอาชีพจากต้นชาน้ำมัน อันก่อให้เกิดน้ำมันเมล็ดคามีเลีย ภายใต้ตราผลิตภัณฑ์ภัทรพัฒน์ สร้างรายได้ที่ยั่งยืนและยกระดับคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับเกษตรกรเป็นไปตามนโยบายขับเคลื่อนธุรกิจควบคู่กับการสร้างความยั่งยืนที่ ท็อปส์ ให้ความสำคัญมาโดยตลอด

พบกับอรรถรสแห่งความอร่อยสุดยอด 3 เมนูพิเศษจากเซ็นทรัล อีทเทอรี ที่ เซ็นทรัล อีทเทอรี สาขาเซ็นทรัลชิดลม และ เซ็นทรัลเวิลด์ ตั้งแต่วันที่ 1 – 14 กันยายน 2565 นอกจากนี้ผู้สนใจสามารถซื้อน้ำมันเมล็ด คามีเลียภัทรพัฒน์ ได้ที่ ท็อปส์ และ เซ็นทรัล ฟู้ด ฮอลล์ ทุกสาขา ติดตามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ www.tops.co.th, เฟซบุ๊กแฟนเพจ TopsThailand หรือแอปพลิเคชัน @TopsThailand

 

 

เกี่ยวกับเซ็นทรัล รีเทล

บริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ เซ็นทรัล รีเทล เป็นผู้นำธุรกิจค้าปลีกสินค้าหลากหลายประเภทผ่านรูปแบบและช่องทางที่หลากหลาย (Multi-format and Multi-category) ในประเทศไทย และมีการขยายธุรกิจไปต่างประเทศ โดยเป็นผู้นำในประเทศอิตาลีและเป็นหนึ่งในผู้นำในประเทศเวียดนาม เครือข่ายร้านค้าภายใต้แบรนด์ค้าปลีก 3,550 ร้านค้า (ข้อมูล ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2565) อาทิ ห้างสรรพสินค้า, ร้านสะดวกซื้อ, ร้านขายสินค้าเฉพาะทาง, ซูเปอร์มาร์เก็ต, ไฮเปอร์มาร์เก็ต, พลาซ่า และการจำหน่ายสินค้าออนไลน์บนแพลตฟอร์ม Omnichannel โดยธุรกิจของเซ็นทรัล รีเทล ครอบคลุมทั้งหมด 4 กลุ่มธุรกิจ ได้แก่  (1) กลุ่มฮาร์ดไลน์ ซึ่งมุ่งเน้นการจำหน่ายสินค้าตกแต่งและปรับปรุงบ้าน สินค้าอิเล็กทรอนิกส์ เครื่องเขียนและอุปกรณ์สำนักงาน หนังสือ และ e-Book ภายใต้แบรนด์ค้าปลีกต่าง ๆ เช่น ไทวัสดุ บ้าน แอนด์ บียอนด์ / บีเอ็นบี โฮม เพาเวอร์บาย ออฟฟิศเมท บีทูเอส เมพ และเหงียนคิม (2) กลุ่มฟู้ด ซึ่งมุ่งเน้นการจำหน่ายสินค้าอุปโภค-บริโภค และสินค้าที่มักพบได้ทั่วไปในร้านสะดวกซื้อภายใต้แบรนด์ค้าปลีกต่าง ๆ เช่น เซ็นทรัล ฟู้ด ฮอลล์ ท็อปส์ แฟมิลี่มาร์ท บิ๊กซี / GO! ลานชี มาร์ท ท็อปส์ มาร์เก็ต เวียดนาม และ มินิ โก (go!) (3) กลุ่มแฟชั่น ซึ่งมุ่งเน้นการจำหน่ายสินค้าเครื่องแต่งกายและเครื่องประดับภายใต้แบรนด์ค้าปลีกต่าง ๆ เช่น ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล ห้างสรรพสินค้าโรบินสัน ห้างสรรพสินค้ารีนาเชนเต ซูเปอร์สปอร์ต และ เซ็นทรัล มาร์เก็ตติ้ง กรุ๊ป และ (4) กลุ่มพร็อพเพอร์ตี้ ซึ่งมุ่งเน้นการให้เช่าพื้นที่สำหรับร้านค้าของกลุ่มบริษัทฯ และร้านค้าและบริการของบุคคลภายนอก เช่น โรบินสัน ไลฟ์สไตล์ ท็อปส์ พลาซ่า และ บิ๊กซี / GO! เวียดนาม โดย ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2565 เซ็นทรัล รีเทล ดำเนินธุรกิจใน 3 ประเทศ ได้แก่ ประเทศไทย ทั้งหมด 58 จังหวัด, ประเทศเวียดนาม ทั้งหมด 41 จังหวัดและประเทศอิตาลี ในเมืองหลักๆ ทั่วประเทศ (ข้อมูล ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2565)