เผยแพร่ |
---|
การปรากฏขึ้นของ “พรรคอนาคตใหม่” ก่อความสั่นสะเทือนอย่าง สูงในแวดวง “การเมือง”
มีความชื่นชมเผยแสดงอย่างแจ้งชัด
เพราะเป็น “ความใหม่”ไม่ว่าเมื่อนำไปวางเรียงเคียงกับพรรค พลังธรรมเมื่อปี 2531 หรือพรรคไทยรักไทยเมื่อปี 2541
ยิ่งกับ”พรรคการเมืองใหม่”ยิ่งต่างราวฟ้ากับเหว
ทั้งนี้ แทบไม่ต้องเปรียบเทียบกับพรรคประชาธิปัตย์ พรรคภูมิใจไทย พรรคชาติไทยพัฒนา พรรคชาติพัฒนา หรือแม้กระทั่ง พรรคเพื่อไทย
กระนั้น ภายใน “ความใหม่”ที่ว่าก็มีความห่วงว่า”ความใหม่”นี้อาจไม่มี”อนาคต”อันสดใสเท่าใดนัก
เพราะ”ใหม่”กระทั่ง”ล้ำเกิน”
จุด 1 ซึ่งมีผู้ตั้งข้อสังเกตอย่างกว้างขวาง คือ การขาดความเชื่อมโยงกับนักการเมือง”เก่า”
พรรคอนาคตใหม่อาจไม่มี”ฐาน”ใน”ชนบท”
ความคึกคักที่เห็นในตอนนี้เสมอเป็นเพียงในโลก”ออนไลน์” แต่ในพื้นที่จริงพรรคอนาคตใหม่ก็ยังเป็น”คนแปลกหน้า”กับชาวบ้านโดยเฉพาะ “รากหญ้า”
ในเมื่อไม่มีนักการเมือง”เก่า”เป็นสะพานเชื่อม ในเมื่อไม่มี”หัว คะแนน” หรือเส้นสายในต่างจังหวัด
จึงไชโยโห่ร้องกันแต่ในหมู่”คนรุ่นใหม่”
นี่ย่อมต่างไปจากพรรคพลังธรรมที่ได้คนมาจากพรรคเอกภาพ นี่ย่อมต่างไปจากพรรคไทยรักไทยที่ได้คนมาจากพรรคความหวังใหม่ พรรคชาติไทย พรรคกิจสังคม
จึงสามารถประสาน”ใหม่” กับ”เก่า”และแจ้งเกิดได้ในการเลือกตั้งเดือนมกราคม 2544
ประเด็นอยู่ที่ว่าพรรคอนาคตใหม่จะถม”ช่องว่าง”นี้ได้อย่างไรและโดยวิธีการใด
หรือว่าต้องการเชื่อมแต่กับ “คนรุ่นใหม่”
ยิ่งกว่านั้น คำถามสำคัญ 1 ก็คือ พรรคอนาคตใหม่จะเอาเงินจากไหนมาขับเคลื่อน
ที่บอกว่าจะใช้วิธี Crowding Fund ก็ใหม่อย่างยิ่ง
เป็นไปได้หรือที่พรรคการเมืองจะระดมทุนผ่าน”ซองกฐิน”จาก ประชาชนในแบบนี้
นี่คืออีกประเด็น 1 ที่มากด้วยความท้าทาย