ทุกจังหวะก้าวในการเคลื่อนไหวของ”เสื้อแดง”กำลังได้รับความสนใจติดตามอย่างต่อเนื่อง

ไม่ว่าที่”สมุทรปราการ” ไม่ว่าที่”เชียงใหม่”

และล่าสุดเมื่อ นายทักษิณ ชินวัตร เดินทางเข้าพรรคเพื่อไทยนับแต่ลงจากชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ และเข้าไปอยู่”บ้านจันทร์ ส่องหล้า”

การไม่มีภาพของ นายจตุพร พรหมพันธุ์ เป็นเรื่องที่เข้าใจได้

การไม่มีภาพของ นายณัฐวุฒิ ไสยเกื้อ อาจมีคำถามตามมา มากกว่ากรณีของ นายจตุพร พรหมพันธุ์ ก็สามารถอธิบายได้จน เป็นที่เข้าใจในที่สุด

เช่นเดียวกับ บทบาทของ นายวรชัย เหมะ ซึ่งมีความแนบชิด อย่างเป็นพิเศษกับ นายสงคราม เลิศกิจไพโรจน์

ไม่ว่าจะเป็นที่”สมุทรปราการ” ไม่ว่าจะเป็นที่”เชียงใหม่”

คล้ายกับ นายวรชัย เหมะ จะเล่นบทนำหน้าอยู่ในแวดล้อมของ”คนเสื้อแดง” และกำลังแทนที่บทบาท นายจตุพร พรหมพันธุ์ บทบาทของ นายณัฐวุฒิ ไสยเกื้อ

คำถามต่อสถานะและบทบาทของ”นปช.”ก็ค่อยหายไปและหมดสิ้นลงเป็นลำดับ

 

คำเรียกขานที่เกิดขึ้นในสถานการณ์นับแต่ นายทักษิณ ชินวัตร มาปรากฏตัว ณ ท่าเรือบินดอนเมือง เมื่อเช้าวันที่ 22 สิงหาคม 2566 มิใช่”แดงนปช.”อีกต่อไปแล้ว

หากแต่มีการเสนอคำว่า”แดงทักษิณ”เข้ามาแทนที่และตอกย้ำผ่านแต่ละจังหวะก้าวของการเคลื่อนไหว

เน้นย้ำ”สังกัด” เน้นย้ำ”ความเป็นจริง”ที่เกิดขึ้นและดำรงอยู่

นี่ย่อมเป็น”คนเสื้อแดง”อันแม้จะมีรากฐานมาจากการเกิดขึ้นของ”นปก.” และต่อเนื่องมายัง”นปช.” แต่ก็เป็นพัฒนาการอันเท่ากับหวนกลับไปสู่รากเหง้าอย่างแท้จริง

นั่นก็คือ เป็นการเคลื่อนไหวอย่างสัมพันธ์กับพรรคเพื่อไทยสัมพันธ์กับพรรคพลังประชาชน สัมพันธ์กับพรรคไทยรักไทย และที่สุดคือสัมพันธ์กับ นายทักษิณ ชินวัตร

เป็นการต่อสู้ภายใต้การนำของ นายทักษิณ ชินวัตร ตั้งแต่ยุคพรรคไทยรักไทย พรรคพลังประชาชน พรรคเพื่อไทย

 

ในเมื่อ”ครอบครัวเพื่อไทย”ก็คือครอบครัวที่มี นส.แพทองธาร ชิน วัตร เป็น”หัวหน้า”

แล้วรากฐานของ นส.แพทองธาร ชินวัตร มาจากไหน

ณ วันนี้ นส.แพทองธาร ชินวัตร คือ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย เป็นพรรคเพื่อไทยอันเป็น”อวตาร”แห่งพรรคพลังประชาชนและ พรรคไทยรักไทย

พรรคไทยรักไทยมี นายทักษิณ ชินวัตร เป็นหัวหน้าพรรคและเป็นผู้นำ”จิตวิญญาณ”พรรคพลังประชาชน พรรคเพื่อไทย