การปรากฏขึ้นของชื่อ ”ก้าวใหม่” ในท่ามกลางความเชื่อมั่นถึงแนวโน้มที่พรรคก้าวไกลจะถูกยุบอย่างแน่นอน สะท้อน”นัยยะ”อะไรในทางการเมือง

เป็นการปล่อยออกมาจาก นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ตามที่ร่ำ ลืออย่างหนาหูผ่าน ”แหล่งข่าว” ภายใต้บท ”รายงาน”

คำถามคือ ทำไมต้องมาจาก นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ

ทำไมจึงไม่มาจาก นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ทำไมจึงไม่มาจาก นายชัยธวัช ตุลาธน ทำไมจึงไม่มาจาก นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ทำไมจึงไม่มาจาก นายรังสิมันต์ โรม

หรือเพราะต้องการให้ชื่อของ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ สยบต่อทุกกระแสอันมาจากเสียงร่ำลือและข่าวปล่อยที่ยิ่งนานยิ่งมาก ด้วยความวิลิศมาหรา

ไม่ว่าจะเป็นข่าวที่ว่ามี สส.พรรคก้าวไกลร่วม 10 คนเดินทางไปพบ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ไม่ว่าจะเป็นข่าวที่ว่ามีหลายพรรคการเมืองเริ่มต่อสายเข้าหาสส.พรรคก้าวไกล

คำถามย้อนกลับก็คือจำเป็นอะไรที่จะต้องเป็น นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ แต่เพียงผู้เดียวที่สัมพันธ์กับ”ก้าวใหม่”

หรือต้องการเชื่อม ก้าวไกล ก้าวใหม่ ก้าวหน้า เข้าหากัน

 

ไม่ว่าชื่อ”ก้าวใหม่”จะมาจาก นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ จริงแท้แน่ นอนเพียงใด แต่ใครก็ตามที่เกาะติดกับการเคลื่อนไหวของพรรค ก้าวไกลอย่างต่อเนื่องก็จะมองเห็นความนัยหลายอย่าง

ไม่ว่าจะมองสถานการณ์เมื่อวันที่ 31 มกราคม ไม่ว่าจะมองสถานการณ์ในวันที่ 26 มีนาคม ก็จะสัมผัสได้

สัมผัสในแต่ละ”ก้าว”ของพรรคก้าวไกลว่าดำเนินอย่างไร

ในวันที่ 31 มกราคมเมื่อตุลาการศาลรัฐธรรมนูญอ่านคำวินิจ

ฉัยกรณีล้มล้างและแสดงแนวโน้มที่จะนำไปสู่การยุบสภา พรรคก้าวไกลประกาศเปิดรับสมาชิก

เป็นการเปิดรับสมาชิกใหม่เพื่อสร้างพรรคการเมืองของประชาชน โดยประชาชน เพื่อประชาชน ขณะเดียวกัน ก็เปิดรับการบริจาคเงินอย่างฉับพลันทันใด

ถามว่าเหตุใดพรรคก้าวไกลต้องเปิดรับ”สมาชิกพรรค”พร้อมกับเปิดรับ”การบริจาค”ตั้งแต่วันที่ 31 มกราคมอย่างเป็นพิเศษ

 

คำตอบอาจเห็นได้จากการปรากฏขึ้นแห่งชื่อ”ก้าวใหม่”อันสะท้อนถึงความต่อเนื่องของ อนาคตใหม่ ก้าวไกล

นั่นก็คือ พรรคก้าวไกลไม่ยอมหยุดยังยืนยัน”ก้าวใหม่”

เป้าหมายทางการเมือง อนาคตใหม่ ก้าวไกล ก้าวหน้า ยังดำรงอยู่อย่างไม่แปรเปลี่ยน นั่นก็คือ ต้องการเปลี่ยนประเทศไทยโดยใช้พรรคการเมือง ใช้การเลือกตั้งมาเป็นเครื่องมือ

นี่คือการสร้างจุดต่างเมื่อเปรียบเทียบกับการล้มล้างการปกครองด้วยวิธี”รัฐประหาร”อย่างที่กลุ่มอื่น ฝ่ายอื่นเคยกระทำ