E-DUANG : ฐานบารมี ทักษิณ ชินวัตร มีรอยเลือด หยาด”น้ำตา”

เมื่อเห็นภาพของ นายทักษิณ ชินวัตร  ในแต่ละจุดของเชียงใหม่ เด่นชัดยิ่งย่อมเป็นภาพแห่ง”รูปธรรม”อันสะท้อน”นามธรรม”ที่เกิด ขึ้นและดำรงอยู่อย่างชัดเจน

บทสรุปตรงกัน ไม่ว่าจะมาจากพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ไม่ว่าจะมาจากมวลมหาประชาชนกปปส.

ทั้งหมดนี้คือเงาสะท้อนแห่งสิ่งที่เรียกกันว่า”บารมี”

แม้ในบางความเชื่อจะคิดว่าบารมีเป็นเรื่องที่ต้องสะสม อย่างที่เรียกกันว่าสะสมตั้งแต่ชาติปางก่อนดังที่พยายามอธิบายผ่านชาดกที่เรียกว่า”บารมีสิบทัศน์”

ความหมายก็คือ มิใช่อยู่ๆก็จะเกิด”พระพุทธเจ้า”ขึ้นมาโดยอัตโนมัติ หากจำเป็นต้องอาศัยบุญเก่า อันกลายเป็นนิยามที่ว่าเป็นผลบุญอันมีมาแต่ชาติปางก่อน

กระนั้น หากศึกษาความเชื่อทางด้านมหายานไม่ว่าจะเป็นสำนักของเซน ไม่ว่าจะเป็นสำนักเต๋า ไม่ว่าจะเป็นเว่ยหล่าง ไม่ว่า จะเป็นฮวงโปกลับเน้นในเรื่องฉับพลัน เน้นในเรื่องปัจจุบัน

นั่นก็คือ ก่อนเกิดฉับพลันก็มาจากการสะสม หากแต่เป็นการ สะสมในชาตินี้มิได้เป็นเรื่องของอีกภพชาติหนึ่ง

ถามว่า”บารมี”ของ นายทักษิณ ชินวัตร เกิดขึ้นมาอย่างไร

 

ยากเป็นอย่างยิ่งที่จะสามารถสืบสาวเรื่องราวของ นายทักษิณ ชิน วัตร ในชาติปางก่อน แต่ที่เห็นและเป็นอยู่ก็ตระหนักเห็นว่าเป็นคนใฝ่ใจในการศึกษา หมกมุ่นกับการทำงานหนัก

ลองผิดลองถูกในเรื่องการเรียน ลองผิดลองถูกในเรื่องรับราช การ ลองผิดลองถูกในเรื่องของธุรกิจ

ลองผิดลองถูกในเรื่องของการเมือง การต่อสู้ทางการเมือง

มิใช่อยู่ๆก็ได้ด็อกเตอร์มายึดครอง มิใช่อยู่ๆก็ได้เป็นมหาเศรษฐี มิใช่อยู่ๆก็ได้เป็นรัฐมนตรี หรือนายกรัฐมนตรี

ตรงกันข้าม เคยผิดพลาดมาแล้ว ล้มเหลวมาก่อนสำเร็จ

ล้มเหลวจากพรรคพลังธรรม ล้มเหลวจากลงสมัครเป็นสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ ก่อนจะตกผลึกมาเป็นการจัดตั้งเป็น พรรคไทยรักไทย

เคยถูกหัวเราะเยาะเย้ยและหยามหยันมาแล้ว จากนักการเมืองที่ถือว่าเชี่ยวชาญ อาบน้ำร้อนมาก่อน

 

ความสำเร็จของ นายทักษิณ ชินวัตร จึงมิได้เป็นความสำเร็จอันว่างเปล่าหากแต่สะสมมาจากความผิดพลาด ล้มเหลว

“บารมี”ที่ได้มาจึงมีทั้งคราบน้ำตาและรอยเลือด

กว่าที่นักการเมืองคนหนึ่งจะได้รับเหมือนกับที่ นายทักษิณ ชินวัตร ได้รับจึงมิได้ดำรงอยู่อย่างเลื่อนลอยและว่างเปล่า ตรงกันข้ามมีทั้งความเจ็บปวด มีทั้งความขมขื่น

เจ็บปวดจากนักการเมืองด้วยกัน เจ็บปวดจากนายกรัฐมนตรี ด้วยกัน เจ็บปวดจากศัตรูและมิตรที่กลายเป็นศัตรู