E-DUANG : การปรากฏ แห่ง “วิชาก้นหีบ” ในความอับจน ทางความคิด

หากมองจากบรรทัดฐานในทางวิชาการของ นายนิธิ เอียวศรีวงศ์ หรือของ นายเกษียร เตชะพีระ ตลอดจน นายธงชัย วินิจจะกูลปรากฏการณ์ 14 พฤษภาคม คือ จุดตัดในทางสังคม

เป็นจุดตัดอันกลายเป็น”เส้นแบ่ง”อย่างมีนัยสำคัญในทางประวัติศาสตร์ทางด้าน”ความคิด”

นั่นก็คือ ความคิด”ใหม่”ได้ทะยานขึ้นสู่ความเป็น”อำนาจนำ”

แม้ในทางการเมืองชัยชนะจากการเลือกตั้งจะยังไม่อาจสยบ ให้อำนาจรัฐ”เดิม”ยอมจำนนอย่างสิ้นเชิง ยังพยายามแสดงบทบาทในการรับมือในลักษณะยันอย่างเต็มเหนี่ยว

นั่นก็คือ อำนาจรัฐเดิมยังสามารถใช้กลไกที่มีอยู่ไม่ว่าในทางกฎหมาย ไม่ว่าในทางการบริหาร ไม่ว่าในทางเครือข่ายทั้งในทาง ราชการและในทางการเมืองมาเป็นเครื่องมืออยู่

กระนั้น หากติดตามการรุกอันมาจากพรรคก้าวไกล อันมี นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เป็นกองหน้า ก็เห็นได้ชัดว่ากระบวนการตั้งรับของอำนาจรัฐเดิมกำลังถูกต้อนเข้าสู่มุมอับ

หากไม่อยู่ในมุมอับสังคมก็คงไม่เห็นกระบวนท่าแต่ละกระบวนท่าที่ถูกงัดเข้ามาเป็นอาวุธนั้นเป็นอย่างไร

แท้จริงแล้ว คือวิทยายุทธ์อย่างที่เรียกว่า”วิชาก้นหีบ”

 

จำเป็นต้องดูบทบาทของ นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม แห่งพรรคไทยภักดีมาเป็นตัวอย่าง ไม่ว่าในห้วงก่อนการเลือกตั้ง ไม่ว่าในห้วง หลังเลือกตั้ง

พลันที่เห็นบนเวทีพรรคเก้าไกลปรากฏเสียงของบ”น้องเก้า”ออกมาต้านระบอบปรสิตฉาดฉาน นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม กล่าวหาว่าใช้”เด็ก”เป็นเครื่องมือ

คล้อยหลังการโพสต์ของ นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ไม่กี่ชั่วโมง ก็มีการดึงเอาภาพเก่าตั้งแต่ก่อนจัดตั้งพรรคไทยภักดีที่มีการชู“น้องคชโยธี”ขึ้นมาเป็นการเทียบเปรียบ

ไม่ว่าบทบาทในแบบ นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ไม่ว่าบทบาทในแบบ นายไตรรงค์ สุวรรณคีรี ไม่ว่าบทบาทในแบบ นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ย่อมกระจ่างสว่างโพลง

คนเหล่านี้ล้วนติด”วิชาก้นหีบ”ในแบบ”ประชาธิปัตย์”ทั้งสิ้น

 

หากสรุปจากความจัดเจนในทางสากล แต่ละก้าวย่างที่มาจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ประสานเข้ากับ นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐ วิภาค ตลอดจน นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม

ไม่ต่างจาก”พันธมิตรประชาชน” ไม่ต่างจาก”กปปส.”

ไม่เพียงแต่จะอับจนใน”กระบวนท่า” หากภายในความอับจนนั้นนั้นก็สะท้อนถึงภาวะจำนนในทาง”ความคิด”จึงนำไปสู่ภาวะปั่นป่วนรวนเรในทาง”การเมือง”

ที่เห็นและเป็นอยู่คือ การงัด”วิชาก้นหีบ” วิชาแล้ววิชาเล่าออกมาสะบัดกวัดแกว่งอย่าง”อับจน”ก่อนสิ้นหนทาง