E-DUANG : สงคราม ป้อมค่าย การเมือง การต่อสู้ ภายใน พี่น้อง 3 ป.

รูปธรรมแห่งความขัดแย้ง แตกแยก และแยกตัวในทาง”ความคิด”ระหว่าง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา กับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เริ่มมีความเด่นชัด

โดยพื้นฐานอย่างที่สุดก็เมื่อยกระดับถึงขั้นมี”การจัดตั้ง”และดำเนินการเคลื่อนไหวในทาง”การเมือง”

พลันที่มีการตระเตรียม จัดวางเพื่อสร้างพรรครวมไทยสร้างชาติขึ้น ไม่ว่าจะผ่าน นายเสกสกล อัตถาวงศ์ ไม่ว่าจะผ่าน นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค นั่นคือการยืนยัน

ยืนยันว่าความเห็นต่างในทาง”ความคิด”ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา กับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ได้ถึงจุดแห่งการแตกหักแล้วในระดับที่แน่นอน

สถานการณ์เมื่อเดือนกันยายน 2564 เพื่อจัดการกับ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า คือตัวอย่างหนึ่ง การมอบบทบาทให้ นายเสก สกล อัตถาวงศ์ และ นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค คือตัวอย่างหนึ่ง

เมื่อประสบเข้ากับคำสั่งของศาลรัฐธรรมนูญไม่ว่าจะในเดือน สิงหาคม ไม่ว่าจะในเดือนกันยายน ตะกอนที่เคยนอนก้นก็เริ่มชัด

ชัดด้วยคำประกาศ”ใจบันดาลแรง”ออกมาให้เป็นที่ปรากฏ

 

หากติดตามแต่ละก้าวย่างของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ อย่างใกล้ชิดก็จะค่อยๆสัมผัสได้ในความมั่นใจและตระหนักถึงความจำเป็นที่จะต้องปรับท่าทีใหม่

ทำไมต้องละล้าละลังเมื่อเผชิญกับสถานการณ์ในเดือนกันยายน 2564 กระทั่งยื้อยาวถึงเดือนมกราคม 2565

เรื่องนี้ไม่เพียงแต่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ก็หงุดหงิดและไม่พอใจ หากแต่ได้เกิดคำถามตามมามากมายจาก ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า

แต่พลันที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เกิด”ใจบันดาลแรง” กระทั่งหยิบยีนส์มาสวมใส่พร้อมกับรองเท้ายาง เดินทางออกตรวจราชการทุกอย่างก็เริ่มก่อให้เกิดความหวัง

การผลัก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ออกไปจึงจำเป็น การเสริมความแกร่งให้พรรคพลังประชารัฐจึงต้องดำเนินการ

 

ไม่ว่าจะมองจากด้านของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา พล.อ.อนุ พงษ์ เผ่าจินดา ไม่ว่าจนะมองจากด้านของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุ วรรณ ล้วนสุกงอมและมีความเต็มใจ

เต็มใจต่อ”รวมไทยสร้างชาติ” เต็มใจต่อ”พลังประชารัฐ”

การเมืองนับแต่เดือนธันวาคม 2565 จึงเป็นการเมืองที่น้องตั้งค่ายคูหอรบขึ้นมา เพื่อแสดงฝีมือและความสามารถเทียบกับค่ายคูและหอรบเดิมของพี่ใหญ่

นี่คือการประกาศเอกราชและทำให้การดำรงอยู่ของพี่น้อง 3 ป.เกิดการแปรเปลี่ยนอย่างสำคัญ