เผยแพร่ |
---|
ต้องยอมรับว่า การสำแดงพลังของ 30 กว่า ส.ส.ที่จะเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของพรรคภูมิใจไทยในวันที่ 16 ธันวาคม ได้ก่อให้เกิดกระ แสในทางการเมืองขึ้นโดยอัตโนมัติ
การที่คนกว่า 30 คนตัดสินใจกระทำในเรื่องอย่างเดียวกัน โดยทุกคนมีพื้นฐานเป็น ส.ส. แสงแห่งสปอตไลต์ย่อมฉายจับ
เชื่อกันว่ามาจาก”สมองก้อนโต”ของ “ครูใหญ่”
ความน่าสนใจอย่างยิ่งยวดมิได้อยู่ที่ว่าเป็น ส.ส.อันเคยสังกัดพรรคพลังประชารัฐ พรรคประชาธิปัตย์ อันเป็นพรรคร่วมรัฐบาล หากแต่ยังมาจากฝ่ายค้าน
บรรดา 5 งูเห่าจากพรรคก้าวไกลไม่จำเป็นต้องพาดพิงเพราะอยู่ในสังกัดนานมาแล้ว แต่ที่ก่อให้เกิดคำถามเป็นอย่างมากก็คือ การดึงเอา ส.ส.ของพรรคเพื่อไทย
ไม่เพียงแต่ดึงเอาจากพื้นที่ศรีสะเกษ สุรินทร์ ซึ่งสัมพันธ์แนบชิดติดกับบุรีรัมย์ หากแต่ยังสามารถทะลวงเข้ามาเจาะกระทั่งในพื้นที่กทม.และปทุมธานีนับว่าเหลือเชื่อ
ความร้อนแรงเป็นอย่างมากยังอยู่ที่การเปิดปฏิบัติการ”ดูด”ส.ส.พรรคเสรีรวมไทยที่ได้จากเลือกตั้งซ่อมลำปางสดๆร้อนๆ
ถามว่า”ครูใหญ่”ต้องการแสดงนัยยะอะไรในทางการเมือง
เหมือนกับต้องการฉายให้เห็นว่าถึงเวลาแล้วที่สังคมจะต้องหันมามองพรรคภูมิใจไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง แต่ละจังหวะก้าวของ นายอนุทิน ชาญวีรกูล ด้วยสายตาใหม่
มิใช่ในฐานะหัวหน้าพรรค”สำรอง”อย่างที่เคยมองในการเลือกตั้งเมื่อเดือนมีนาคม 2562
ตรงกันข้าม นี่คือบทบาทในการเข้าไปกำหนด”เกม”
ไม่เพียงแต่เป็นเกมอันขับเคลื่อนโดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ไม่เพียงแต่เป็นเกมอันขับเคลื่อนโดย พล.อ.ประวิตร วงษ์สุ วรรณ ก็มิอาจมองข้าม นายอนุทิน ชาญวีรกูล
ปฏิบัติการจาก 30 กว่าส.ส.อย่างพร้อมเพรียงกัน คือตัวแทนแห่งการปรากฏในลักษณะ”แลนด์สไลด์” และกลายเป็นปรากฏ การณ์ที่สังคมมิอาจปฏิเสธบทบาทได้
“แลนด์สไลด์”อาจมาจากพรรคภูมิใจไทยก็เป็นไปได้
น่าสนใจก็ตรงที่ปฏิบัติการของพรรคภูมิใจไทยบังเกิดขึ้นในท่าม กลางการเคลื่อนไหวในแบบตุ๊ต๊ะต้วมเตี้ยมของพรรครวมไทยสร้าง ชาติบนความไม่แน่นอนทางการเมือง
คนที่หวั่นไหวย่อมเป็น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา มากที่สุด
ยิ่งเห็นความคึกคักของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ในการเดินสาย ยิ่งเท่ากับเป็นสัญญาณเตือนในทางการเมือง
สัญญาณเตือน พล.อ.ประยุทธ์จันทร์โอชา