การดำรงอยู่ของร่างพรบ.”สุราก้าวหน้า” เป็นการดำรงอยู่ในลักษณะ”มวลชน”อย่างเด่นชัด

นี่เป็น”พัฒนาการ”ในทาง”ความคิด”ที่มี”ความหมาย”

เพราะหากพูดถึง”สุรา”ย่อมสะท้อนกลิ่นอายที่ไม่เป็นคุณ เป็นเรื่องล่อแหลม ถูกจัดอยู่ในประเภทของ”อบายมุข”ยังความเสียหายอย่างใหญ่หลวง

ไม่ว่าจะมองในด้าน”สังคม” ไม่ว่าจะมองในด้าน”ส่วนตัว”

จากที่เคยมีการเสนอและผลักดัน”สุราก้าวหน้า”ขึ้นในห้วงก่อนและหลังการเลือกตั้งเดือนมีนาคม 2562 มาถึงเดือนตุลาคม 2565 จึงสะท้อนกระบวนการของการพัฒนาอย่างก้าวกระโดด

เหตุปัจจัยอะไรทำให้ร่างพรบ.สุราก้าวหน้าสามารถผ่านความเห็นชอบวาระ 1 มาได้ เหตุปัจจัยอะไรเมื่อรัฐบาล พล.อ.ประ ยุทธ์ จันทร์โอชา ทำท่าจะออกมา”ขวาง”

จึงนำไปสู่”คำถาม”มากมายในความรู้สึกของ”ประชาชน”กระทั่งกลายเป็น”กระแส”และการเคลื่อนไหวในทาง”ความคิด”ที่

แหลมคมมากยิ่งขึ้นเป็นลำดับ

“กระแส”นั้นเองคือปรอทวัดความรู้สึกของ”สังคม” ยืนยันถึง ลักษณะ”มวลชน”ของแนวคิดในเรื่อง”สุราก้าวหน้า”

 

ต้องยอมรับว่าการเคลื่อนไหวเพื่อผลักดันร่างพรบ.”สุราก้าวหน้า”มิได้เริ่มจากความต้องการในทางอัตวิสัยของนักการเมือง หรือพรรคการเมือง

ตรงกันข้าม ความต้องการนี้เกิดขึ้นและดำรงอยู่อย่างยาวนานเกือบทุกซอกหลืบของสังคม

เห็นได้จากเมื่อพรรคไทยรักไทยแปรความต้องการนี้เป็นนโย บายหลังได้ชัยชนะในการเลือกตั้งเมื่อเดือนมกราคม 2544 ก็ถือเป็นเงาสะท้อนอันทรงความหมายยิ่ง

อย่าได้แปลกใจหากเมื่อมีการประสานความต้องการของ นายเท่าพิภพ ลิ้มจิตรกร มาเป็นนโยบายหนึ่งของพรรคอนาคตใหม่และตกมาอยู่ในมือของพรรคก้าวไกล

      ความเป็นจริงที่ต้องยอมรับก็คือ การเคลื่อนไหวได้ประสาน

เข้ากับความต้องการของสังคมและของมวลชนอย่างแนบแน่น

 

จากการดำรงอยู่ของร่างพรบ.สุราก้าวหน้าจึงยืนยันว่ารากฐานใน ทางความคิดของพรรคอนาคตใหม่ พรรคก้าวไกล สัมพันธ์กับการ ริเริ่มในอดีตของพรรคไทยรักไทย

จึงใช้เวลาเพียง 3 ปีก็สถาปนาเป็น”หลักคิด”อันหนักแน่น

เมื่อปะทะกับแรงต้านจากรัฐบาลซึ่งเป็นตัวแทนของ”ทุนผูกขาด”ลักษณะมวลชนแห่งร่างพรบ.สุราก็เปล่งประกาย

การประชุมในวันที่ 2 พฤศจิกายนจึงกลายเป็น”เส้นแบ่ง”