E-DUANG : ความสำเร็จ ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ กับวิถี อันเป็น ทางออก”ใหม่”

ความสำเร็จของ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ได้จุดประกายแห่งความหวังที่นำไปสู่การขับเคลื่อนทางการเมืองในทิศทางเดียวกัน กับของ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์

นั่นก็คือ การเมืองที่จัดระยะห่างระหว่างพรรคเพื่อไทยและกำหนดระยะห่างระหว่างพรรคก้าวไกล

มีระยะห่างที่แน่นอน แต่มิได้ดำรงอยู่อย่างเป็น”ศัตรู”

ความคิดเช่นนี้มีการเสนอขึ้นจากบางส่วนของคนรุ่นใหม่ที่เข้าไปมีส่วนร่วมใน”คณะทำงาน”ของ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ และ มองเห็น”จุดแข็ง”ที่สามารถต่อยอดได้

คนรุ่นใหม่ส่วนนี้อาจเคยเป็นส่วนหนึ่งอยู่ในกลุ่มนิวเด็มภาย ในพรรคประชาธิปัตย์ จึงสรุปบทเรียนที่เคยมีประสบการณ์กับพรรคเก่าแก่อย่างพรรคประชาธิปัตย์

ขณะเดียวกัน ก็มองเห็นความพยายามของ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ในการจัดระยะห่างออกจากพรรคเพื่อไทยโดยขับเคลื่อนการเมืองในนาม”อิสระ”

ดำรงความเป็นอิสระอย่างเป็นมิตรกับพรรคเพื่อไทย ดำรงความเป็นอิสระอย่างสามารถเชื่อมได้กับพรรคก้าวไกล

กลายเป็นพลังการเมืองอีกพลังในท่ามกลางความขัดแย้ง

 

สภาพการณ์อันเกิดขึ้นแล้วผ่านกระบวนการเลือกตั้ง”ผู้ว่าฯกทม.” กำลังเป็นบทเรียนอันทรงความหมายยิ่ง ไม่ว่าจะมองผ่าน”สถาน การณ์” ไม่ว่าจะมองผ่านทฤษฎี”ผู้นำ”

ความแหลมคมอยู่ที่ทุกอย่างอยู่ในสถานการณ์อันเป็นผลสะ เทือนจาก 2 รัฐประหารที่ทรงความหมายสูงยิ่ง

นั่นก็คือ รัฐประหารเมื่อเดือนกันยายน 2549 นั่นก็คือ รัฐประ หารเมื่อเดือนพฤษภาคม 2557 อันทำให้สังคมไทยตกอยู่ภายใต้สิ่งที่เรียกว่า”ทศวรรษแห่งความมืดมน”

มีความพยายามจะหาทางออกผ่านกระบวนพรรคอนาคตใหม่แต่ประสบปัญหาถูกบดขยี้ผ่านการยุบพรรคกระทั่งกลายมา เป็นพรรคก้าวไกลและคณะก้าวหน้า

การเสนอตัวเข้ามาของกลุ่ม นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ จึงเท่ากับ

เป็นอีกทางเลือกที่จะต้องผ่านการสังเคราะห์อย่างหนักแน่นจริงจัง

 

ความหนักแน่นจริงจังในแบบของ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ คือการเห็นว่าความขัดแย้งเป็นเรื่องปรกติในสังคมประชาธิปไตย และดำรงอยู่ได้โดยไม่ต้องเพาะสร้างความเกลียดชัง

นั่นก็คือ การเรียนรู้จากด้าน”อนุรักษ์”และด้าน”ก้าวหน้า”

เหมือนกับการแสดงตัวของชนชั้นกลางที่พยายามประสานทั้งใหม่และเก่าให้ผสมกลมกลืนเป็นเนื้อเดียวกัน

เพื่อเสนอทางออกให้สังคมก้าวพ้นจากทศวรรษอันมืดมน