เผยแพร่ |
---|
อุบัติแห่ง “ภาคีเครือข่าย”เรียกร้องการเลือกตั้งผู้ว่าราชการจังหวัด เชียงใหม่ คือ ตัวอย่างหนึ่งซึ่งสะท้อนผลสะเทือนจากการเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.ที่อึกทึกครึกโครมอยู่ในขณะนี้
คำถามที่ตามมาอย่างฉับพลันก็คือ การเลือกตั้ง”ผู้ว่าฯกทม.”เคยมีตั้งแต่ปี 2518 แล้วเหตุใดจึงเพิ่งก่อผลสะเทือนในปี 2565
คำว่า”ผลสะเทือน”นี้มิได้มองเพียงภาพ”การเคลื่อนไหว”
เนื่องจากแท้จริงแล้ว ความคิดในการเลือกตั้ง”ผู้ว่าราชการ”อย่างที่เกิดขึ้นแล้วในกรุงเทพมหานครและตามมาด้วย”นายกเมือง พัทยา”ได้มีอยู่อย่างต่อเนื่องมานานอย่างยิ่ง
อย่างน้อยก็มีอยู่ใน”นโยบาย”ไม่ว่าจะเป็นของพรรคประชาธิ ปัตย์ ไม่ว่าจะเป็นของพรรคพลังธรรม แต่ก็เสมอเป็นเพียง”ความคิด” ยังมิได้มีการก่อรูปเป็น”การเคลื่อนไหว”ในทาง”การเมือง”
เพิ่งจะปรากฏขึ้นอย่างเป็น”รูปธรรม”ก็ในเดือนเมษายน 2565
อันเท่ากับฉายสะท้อนให้เห็นถึงผลสะเทือนและการเคลื่อนไหวอย่าง เป็นจริงจากอิทธิพลในการเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.อย่างเด่นชัด
และหากมองลึกลงไปนี่ก็คือผลสะเทือนแห่ง”อนาคตใหม่”
พรรคอนาคตใหม่เป็นพรรคการเมืองที่เพิ่งก่อตั้งขึ้นเพื่อเข้าสู่การเลือกตั้งเดือนมีนาคม 2562 เวลาเพียง 3 ปีพรรคอนาคตใหม่ได้ก่อผลสะเทือนอย่างลึกซึ้งทั้งในทางความคิดและในทางการเมือง
เนื่องจาก”ผลสะเทือน”เช่นนั้นเองจึงมีการเคลื่อนไหวอันนำไปสู่การยุบพรรคอนาคตใหม่ในเดือนกุมภาพันธ์ 2563
แม้ว่าเจตจำนงของการยุบพรรคก็เพื่อให้หมดบทบาท แต่ในทางเป็นจริงกลับนำไปสู่รูปแบบแห่งอวตารของพรรคก้าวไกลประ สานเข้ากับคณะก้าวหน้า
และในเดือนมีนาคม 2565 ก็ได้เปิดแคมเปญ”ขอคนละชื่อ ปลดล็อกท้องถิ่น” อันเป็นการสานต่อแนวทางของพรรคอนาคตใหม
ในนามแห่งคณะก้าวหน้าและนำไปสู่การเกิด”ภาคีเครือข่าย”
การเคลื่อนไหวไม่ว่าในนามของ”คณะก้าวหน้า” ไม่ว่าในนามของ”พรรคก้าวไกล” ด้านหนึ่งเป็นการต่อยอดจากสิ่งที่พรรคอนาคตใหม่ได้เคยทำ
ด้านหนึ่ง เป็นการสร้าง”จุดต่าง”จากพรรค กลุ่มการเมืองอื่น
ทั้งหมดนี้เริ่มจากการปักธงในทาง”ความคิด”และนำไปสู่การ เคลื่อนไหวในทาง”การเมือง”ที่เป็นจริง
นี่คือพื้นฐานและรากที่มาแห่ง”ภาคีเครือข่าย”ที่เชียงใหม่