เผยแพร่ |
---|
สภาวะ”สภาล่ม” ไม่ว่าจะมองจากทางด้านของพรรคร่วมรัฐบาล ไม่ว่าจะมองจากทางด้านของพรรคร่วมฝ่ายค้าน
เป็นผลอันต่อเนื่องมาจากการวิเคราะห์”สถานการณ์”
เพียงแต่ในด้านของพรรคร่วมรัฐบาลมองอย่างหนึ่ง เพียงแต่ในด้านของพรรคฝ่ายค้านก็มองอีกอย่างหนึ่ง
“อย่างหนึ่ง”ของแต่ละพรรคก็มี”อัตลักษณ์”ของตนเอง
ขณะเดียวกัน ภายในกระบวนการวิเคราะห์สถานการณ์นั้นเป้า หมายและความต้องการของแต่ละฝ่ายก็แตกต่างกัน
ทั้งในด้านของพรรคร่วมรัฐบาล ทั้งในด้านของพรรคฝ่ายค้าน
ในฝ่ายของพรรคร่วมรัฐบาลอาจไม่สลับซับซ้อนเนื่องจากเป็นห้วงเวลาของการต่อรองและอยู่ในสถานการณ์ที่มี”แพะ”คอยรองรับ อยู่แล้ว
นั่นก็คือ บทบาทและความหมายของ”ประธานวิป”
กระนั้น หากมองจากทางด้านพรรคร่วมฝ่ายค้านระหว่างพรรค เพื่อไทยกับพรรคก้าวไกลกลับมากด้วยความซับซ้อน
จุดต่างอันทำให้พรรคเพื่อไทยกับพรรคก้าวไกลเหมือนกับจะสร้างดาวกันคนละดวง ช่วงชิงไปสู่สวรรค์
ใครก้าวไม่ทัน อาจกลายเป็น”คนหลงทาง”นั้น
มาจากบทสรุปของพรรคเพื่อไทยที่มั่นใจว่าการเข้าไปมีส่วนใน การทำให้สภาล่มจะเร่งวันพังทลายของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ไปสู่การยุบสภาเร็วขึ้น
ขณะที่พรรคก้าวไกลมองว่าแนวโน้มการยุบสภายังไม่ชัดจึงจำเป็นต้องคำนึงถึงการขับเคลื่อน”นโยบาย”ให้จำหลักหนักแน่น
แม้หนทางชนะจะริบหรี่เป็นอย่างยิ่งแต่นั่นคือ”โอกาส”
นั่นก็คือ โอกาสในการ”ปักธง”ในทาง”ความคิด”ให้เด่นชัด
น่ายินดีที่เมื่อผ่านพ้นไปจากสถานการณ์ฝุ่นตระหลบในทางการเมือง ทั้งพรรคเพื่อไทย ทั้งพรรคก้าวไกล ก็ได้ขบคิด ใคร่ครวญ อย่างสมบูรณ์รอบด้านมากยิ่งขึ้น
จึงได้บทสรุปที่จะร่วมกัน”ทำงาน”ในสถานะ”พันธมิตร”ต่อ
นั่นก็คือ การทำให้หลักการที่ว่า “แสวงจุดร่วม”ท่ามกลาง”การ สงวนจุดต่าง”ปรากฏเป็นจริงอีกคำรบหนึ่ง
เนื่องจากพรรคเพื่อไทยก็พรรคหนึ่ง พรรคก้าวไกลก็พรรคหนึ่ง