สายตาที่มองไปยัง นายไพรวัลย์ วรรณบุตร ก็เหมือนกับสายตาที่มองไปยัง นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ก็เหมือนกับสายตาที่มองไปยัง นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์

นั่นก็คือ มองว่า”ละอ่อน”อย่างยิ่ง นั่นก็คือ มองว่า”ไร้เดียงสา”อย่างยิ่ง

เพราะมองด้วยสายตาอย่างนี้จึงก่อให้เกิด”ความประมาท”

หารู้ไม่ว่าในฐานะที่เคยเป็น”เปรียญธรรม 9 ประโยค” ในฐานะที่อ่าน”มหาคัมภีร์”ทั้งในทางธรรมและในทางโลกมาแล้วพอสมควรก็ ต้องยอมรับว่า”ทิดไพรวัลย์”ดำรงอยู่อย่างมีสติ

ยิ่งกรณีของ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ เขาเคลื่อนไหวทางสังคมและการเมืองมาตั้งแต่ยังเป็น”นักศึกษา” ขณะที่ นายพิธา ลิ้มเจริญ รัตน์ แม้จะเป็น”หนุ่มร็อค”แต่ก็เป็นร็อคระดับ”นักเรียนนอก”

เมื่อเผชิญกับ”สภาวะ”ที่เป็นจริงจึงเยือกเย็นและสุขุมยิ่ง

สามารถแปรแนวทาง”สูงสุดคืนสู่สามัญ”ได้ ไม่ว่าในทางโลก ไม่ว่าในทางธรรม ดำรงอยู่ชีวิตต่อไปได้อย่างเป็น”ปรกติ”

ใครที่คิดว่ากำลัง”รุกฆาต”อาจกำลัง”ถูก”รุกฆาตก็เป็นไปได้

 

เหมือนกับความเขม่นต่อ นายไพรวัลย์ วรรณบุตร จะเป็นมูลเชื้ออย่างดีในการที่ “น้าเน็ค”จะดำเนินกลยุทธ์การตลาดเพื่อชิง”พื้นที่” ในการอธิบายต่อปรากฏการณ์”นินทาประเทศไทย”

แต่หากใครติดตามการโพสต์ของ นายไพรวัลย์ วรรณบุตร ต่อ เนื่องก็จะจับได้ในความนัย

“ความนัย”อันเจ้าของ”นินทาประเทศไทย”เผยความจริงไม่ครบ

แท้จริงแล้ว เรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดได้มีการสื่อและทำความเข้าใจ มาก่อนแล้วระหว่าง นายไพรวัลย์ วรรณบุตร กับ”น้าเน็ค” เพียงแต่ยอด”คุณน้า”ไม่บอกต่อสังคมให้หมดเท่านั้น

นั่นก็คือ ปล่อยให้เกิดสภาวะ “คลุมเครือ” เล่นบทเป็น”ผู้ถูกกระ 

ทำ”จากวุฒิภาวะที่มีปัญหาของ”พี่ทิด”

 

สถานการณ์เฉพาะหน้าอาจทำให้เกิดความปั่นป่วนในทางอารมณ์อันจับได้จาก”เทรนด์”ของทวิตเตอร์ ที่ทะยานขึ้นทั้ง #ไพรวัลย์ และ #นินทาประเทศไทย

แต้มต่ออาจเป็นของ”นินทาประเทศไทย”ใน “เบื้องต้น”

เนื่องจากต่อม”ริษยาชนชั้นกลาง”ที่ดำรงอยู่ในสังคมเป็นเรื่อง ใหญ่หลวงอย่างยิ่งในโลกแห่ง”โซเชียล”

แต่ที่สุด”ทิด”ก็จะสงบนิ่งเหมือน”พี่เอก” เหมือน”พี่ทิม”