เผยแพร่ |
---|
หากเทียบกับ นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ บนเวที ณ ลานพญานาค มหาวิท ยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต เมื่อวันที่ 10 สิงหาคม กับ นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ บนเวทีสกายวอล์ค เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน
เหมือนกับเป็น นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ อีกคนหนึ่งซึ่งแตกต่างออกไปเป็นอย่างมาก
“เนื้อหา”อาจเหมือนเดิม แต่”ท่วงทำนอง”แปลกไป
อย่าว่าแต่ นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ เลย แม้กระทั่ง น.ส.ปภัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล บนเวทีลานพญานาค กับที่ปรากฏ ณ สกายวอล์ค ก็ไม่เหมือนเดิม
ความร้อนแรงอย่างที่เคยเห็นเกือบตลอดปี 2563 ไม่ดำรงคงอยู่ ไม่ว่าจะมองผ่าน น.ส.ปภัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล ไม่ว่าจะมองผ่าน นายพริษฐ์ ชิวารักษ์
เป็นเพราะสถานการณ์”โควิด” เป็นเพราะสถานการณ์”ถูกจำขัง”หรือไม่ที่ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงเป็นอย่างสูง
หรือเพราะ”ข้อตกลง”กับ”ศาล”ทำให้จำต้อง”ปรับ”ท่าที
บรรดาแฟนานุแฟนตั้งคำถามและพยายามวิเคราะห์หารากฐานและเค้ามูลแห่งความเปลี่ยนแปลง
ต้องยอมรับว่า สถานการณ์แต่ละสถานการณ์นับแต่การเคลื่อนไหว เมื่อเดือนกรกฎาคม 2563 เป็นต้นมา ล้วนแล้วแต่ส่งผลสะเทือนให้กับนักเคลื่อนไหวทุกคน
ไม่ว่าท่าทีจากรัฐบาล ไม่ว่าท่าทีจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เมื่อมีการนำมาตรา 112 หวนกลับมาเป็นเครื่องมือ
ความแหลมคมเป็นอย่างมากก็คือ สถานการณ์โควิดกลับเป็นโอกาสให้ประกาศพรก.บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินแล้วนำมาเป็นเครื่องมือในการกำราบ”ม็อบ”
กระนั้น คำประกาศจะเปิดประเทศภายใน 120 วันก็มีส่วนสำ คัญในการกำหนดขึ้นของแต่ละกลยุทธ์ ทำให้ทุกฝ่ายวางกรอบและ กำหนดเวลาอยู่ที่เดือนตุลาคมเป็นเป้าหมาย
กรกฎาคม สิงหาคม กันยายน จึงมุ่งไปสู่สถานี”ตุลาคม”
ประสบการณ์ก่อให้เกิดความสุขุมเปี่ยมด้วยคัมภีรภาพในทางความ คิดและในการเคลื่อนไหว ไม่ว่าจะเป็น น.ส.ปภัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล ไม่ว่าจะเป็น นายพริษฐ์ ชิวารักษ์
มีความต้องการยังไม่เพียงพอ ต้องเข้าใจต่อ”สภาพการณ์”
ไม่เพียงเป็นสภาพการณ์ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ยังขึ้นอยู่กับสภาพการณ์ในทางสังคม
เมื่อเข้าใจ”ความจริง”นี้จึงเกิดความสุขุมเปี่ยมความเยือกเย็น