เผยแพร่ |
---|
ทิศทางและแนวโน้มการเคลื่อนไหวในทางการเมืองจะเป็นไปในท่วงทำนองของ REDEM เด่นชัดมากยิ่งขึ้น
หากติดตามจากสถานการณ์#ม็อบ9มีนาคมจะเห็นได้เด่นชัด
โดยเฉพาะอย่างยิ่งการนัดรวมพลแต่งชุดดำวางหรีดดอกไม้ ณ บริเวณหน้าศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ของ”แนวร่วมธรรมศาสตร์ และการชุมนุม”
เมื่อหัวขบวนอย่าง นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือแม้กระทั่ง น.ส.รุ้ง ปภัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล ล้วนถูกจำขัง บทบาทจึงกตกอยู่กับ น.ส.เบนยา อปัญญ์
แต่ก็ประกาศการเคลื่อนไหวเพียงเวลา 1 ชั่วโมงอันจำกัด ไม่มีการจัดตั้งเวที ไม่มีการปราศรัย และไม่ปรากฏแกนนำอย่างเด่นชัดว่าจะดำเนินไปอย่างไร
นี่ย่อมเป็นทิศทางเดียวกันกับที่เคยปรากฏมาแล้ว ไม่ว่าจะเป็น#ม็อบ28กุมภาพันธ์ ไม่ว่าจะเป็น#ม็อบ6มีนาคม
ชี้ชัดว่าทิศทางของ REDEM เหมาะสมและสอดคล้องกับสภาพความเป็นจริงในทางการเมือง
กระนั้น หากติดตามกระบวนการของ REDEM อย่างต่อเนื่องก็ต้องยอมรับว่า กว่าจะได้ประเด็นในการเคลื่อนไหว กว่าจะได้วันเวลาและกำหนดสถานที่การนัดหมาย
แต่ละวาระเหล่านี้มิได้กำหนดขึ้นเองโดย REDEM แต่ลำพัง ตรงกันข้าม ผ่านกระบวนการสำรวจ สอบถามความเห็น
กลไกของ REDEM เป็นกลไกผ่านแพล็ทฟอร์มเทเลแกรมซึ่งร่ำลือกันว่ามีสมาชิกอยู่ร่วม 200,000 คน เป็นการสำรวจและสอบถามความเห็นอย่างที่เรียกว่าประชาธิปไตย”ทางตรง”
ไม่ว่าจะเป็นสถานการณ์#ม็อบ28กุมภาพันธ์ ไม่ว่าจะเป็นสถานการณ์#ม็อบ6มีนาคม มิใช่อยู่ๆก็ประกาศนัดหมายและกำหนดให้มวลชนไปตามเสียงเรียกร้อง
ตรงกันข้าม ทุกอย่างมาจากมวลชนและย้อนกลับสู่มวลชน
เพียงแต่ REDEM ดำรงอยู่เหมือนกับเป็นสถานีกลางเช่นเดียวกับ”เยาวชนปลดแอก”
สภาพการณ์ทางการเมืองที่”แกนนำ”ต้องคดีกันยาวเหยียดเหมือนบัญชีหางว่าว เป็นดั่งไฟท์บังคับให้การเคลื่อนไหวไหลเลื่อนไปบนทิศ ทางที่ REDEM กำหนดโดยอัตโนมัติ
เพียงแต่จากการปฏิบัติอย่างน้อยก็ 2 ครั้งที่ผ่านมา REDEM จะสามารถสรุปและยกระดับได้อย่างไร