เผยแพร่ |
---|
คำประกาศของ”ราษฎร”อันมาพร้อมกับตัวอักษรขาว พื้นแดงที่ว่า “รวมพลคนไม่มีจะกิน ตีหม้อไล่เผด็จการ” มาพร้อมกับ #ม็อบ 10 กุมภา และการสรุปให้เห็นว่าเป็น “ยกที่ 1”
ที่ว่าเป็น “ยกที่ 1” น่าจะหมายถึงการเคลื่อนไหวเป็นครั้งแรกของปี 2564 ที่กระทำในนามของ”ราษฎร”
สะท้อนให้เห็นว่าที่มีการเดินทางไปหน้ากระทรวงการคลัง ที่มีการเดินทางไปหน้าทำเนียบรัฐบาล ที่มีการเดินทางไปกระทรวงแรงงานเสมอเป็นเพียงการเคลื่อนไหว”ย่อย”
เป็นการเคลื่อนไหว”ย่อย”เหมือนกับการไปเทเบียร์หน้ากระทรวงสาธารณสุขของกลุ่มปลดแอกเบียร์ เป็นการเคลื่อนไหว”ย่อย”เหมือนกับการไปให้กำลังใจหน้าสน.ของผู้ต้องหมายเรียก
และเมื่อถึงกาละอันเหมาะสมที่จะต้องมีการขับเคลื่อนในทาง เศรษฐกิจ ในทางการเมือง จึงมีความจำเป็นที่ “ราษฎร”จะต้องออกโรงพร้อมกับติด #ม็อบ 10 กุมภาพันธ์
อันเท่ากับเป็นการเบิกสถานการณ์ใหม่ให้กับการชุมนุมและเคลื่อนไหวในปี 2564
คำถามก็คือ เหตุใดจึงเน้นไปยัง “รวมพลคนไม่มีจะกิน” เหตุใดจึงเน้นไปยังเป้าหมายอันคมเข้มที่ว่า “ตีหม้อไล่เผด็จการ”
คำตอบก็คือ นี่คือการ”ประสาน”กับสถานการณ์จาก”พม่า”
ความเป็นจริงที่ต้องยอมรับก็คือ สถานการณ์ในพม่าเมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ มีลักษณะ”ร่วม”ในทางการเมืองเมื่อนำมาเปรียบเทียบกับสถานการณ์ในประเทศไทย
เห็นได้จากการรัฐประหารอันมาจาก พล.อ.อาวุโสมิน อ่อง หล่าย สามารถนำไปวางเรียงเคียงอยู่ข้างกับรัฐประหารของ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา โดยอัตโนมัติ
เห็นได้จากประชาชนพม่าถอดบทเรียนจากการเคลื่อนไหวของเยาวชน ประชาชนไทยนับแต่เดือนกรกฎาคม 2563 โดยเฉพาะการชู 3 นิ้วและติดริบบิ้นอย่างเป็นเอกภาพ
จะแปลกอะไรหาก “ราษฎร”จะเก็บรับบทเรียนอนารยะขัดขืนจากพม่าด้วยปฏิบัติการ”ตีหม้อไล่เผด็จการ”
ไม่มีใครตอบได้ว่า คำประกาศเชิญชวนจาก”ราษฎร”จะยังมีความขลัง เรียกมวลชนเข้าร่วมได้มากเหมือนกับปรากฏการณ์ที่ 5 แยกลาดพร้าว แยกบางเขน หรืออนุสาวรีย์ประชาธิปไตยหรือไม่
เพราะว่านี่เสมอเป็นเพียง “ยกที่ 1” หลังจากถูกสยบด้วยสถาน การณ์แพร่ระบาดของโควิด รอบที่ 2 มาอย่างหนักหนาสาหัส
คำตอบย่อมสัมผัสได้ในตอนเย็นของวันที่ 10 กุมภาพันธ์