เผยแพร่ |
---|
คล้อยหลังจดหมายเปิดผนึกถึง นายทักษิณ ชินวัตร ของ นายนคร มาฉิม ปรากฏเพียงไม่กี่ชั่วโมง
ก็มีเสียง”แย้ง”จากภายในพรรคประชาธิปัตย์
แม้โดยพื้นฐาน นายนคร มาฉิม จะเป็นส.ส.พิษณุโลกได้ภายใต้สังกัดของพรรคประชาธิปัตย์ แต่หากในการเลือกตั้งเมื่อเดือนกรกฎาคม 2554 เขาสังกัดพรรคชาติพัฒนาและสอบตก
กระนั้น เขาก็เป็น ส.ส.ในห้วงก่อนรัฐประหารเมื่อเดือนกัน ยายน 2549
รับรู้การเคลื่อนไหวของ”ประชาธิปัตย์”ได้ระดับหนึ่ง
และเมื่อพรรคประชาธิปัตย์เข้าร่วมเป่านกหวีดกับกปปส.ของ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ก็ยิ่งจำหลักหนักแน่น
“ข้อมูล”จึงแทงตรงไปยัง”ประชาธิปัตย์”
ความจริง เรื่องราวของพรรคประชาธิปัตย์ไม่ว่าก่อนรัฐประหารเมื่อเดือนกันยายน 2549 ไม่ว่าก่อนรัฐประหารเมื่อเดือนพฤษภา คม 2557
มิได้เป็นเรื่อง”ลี้ลับ” แต่อย่างใด
บทบาทของ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นอย่างไรคนย่อมรู้อยู่เป็นอย่างดี
บทบาทของ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เป็นอย่างไรคนย่อมรู้อยู่เป็นอย่างดี
ยิ่งเมื่อมีการจัดตั้งพรรครวมพลังประชาชาติไทย ยิ่งชัด
ต่อให้ไม่มีจดหมายเปิดผนึกของ นายนคร มาฉิม บทบาทของพรรคประชาธิปัตย์ที่ไปโอบกอด นายสนธิ ลิ้มทองกุล มิได้เป็นความลับ
บทบาทของ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ที่ไปเป็นแกนนำกปปส.มิได้เป็นความลับ และเมื่อหวนกลับพรรคประชาธิปัตย์ก็อึกทึกครึกโครม
เพียงแต่คนที่ชอบก็ยังชอบ คนที่ไม่ชอบก็ยังไม่ชอบ
ต้องยอมรับว่า การเลือกตั้งที่จะมีไม่ว่าภายในเดือนกุมภาพันธ์หรือภายในเดือนพฤษภาคม 2562
ประเด็น”รัฐประหาร”จะมีความสำคัญ
คำถามก็คือ เห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยกับ”รัฐประหาร” เห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยกับ”คสช.” ซึ่งรวบยอดไปยัง เอา หรือ ไม่เอาคสช.
คำถามทั้งหมดนี้”ประชาธิปัตย์”จำเป็นต้องตอบ