E-DUANG : ชะตากรรม นักการเมือง แตกกลุ่ม ไทยรักไทย พลังประชาชน เพื่อไทย

การที่นักการเมืองอย่าง นายสุเทพ เทือกสุบรรณ หรือ นายไพบูลย์ นิติตะวัน จะออกมาให้การสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรีต่อไปอีก 4 ปี

มิได้เป็นเรื่องแปลกแต่อย่างใด

เพราะเสียงของ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เป็นอย่างเดียวกับเสียงของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ตั้งแต่นั่งทำงานร่วมกันอยู่ใน ศอฉ.ต่อเหตุการณ์เดือนเมษายน พฤษภาคม 2553 มาแล้ว

เช่นเดียวกับเสียงของ นายไพบูลย์ นิติตะวัน ก็ตั้งแต่ก่อนรัฐประหารเดือนพฤษภาคม 2557

และเข้าไปร่วมยกร่างรัฐธรรมนูญในสปช.

แต่การเข้าไปอยู่ในพรรคพลังประชารัฐของหลายคนจากพรรคเพื่อไทยและจากนปช.นั่นซิอาจเหน็ดเหนื่อยอย่างเป็นพิเศษ

 

เมื่อใดที่นักการเมืองอย่าง นายสุพล ฟองงาม อย่าง นายจำลอง ครุฑขุนทด อย่าง นายปรีชา เร่งสมบูรณ์สุข

สวมเสื้อ”พลังประชารัฐ” เข้าสู่สนาม”เลือกตั้ง”

ความจำเป็น 1 คือ ต้องสร้างความชอบธรรมให้กับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา

1 คือ ต้องสร้างความชอบธรรมให้กับ”รัฐประหาร”

บนเส้นทางสร้างความชอบธรรม 2 เรื่องนี้ก็จำเป็นต้องสร้าง ความไม่ชอบธรรมให้กับพรรคเพื่อไทย ให้กับพรรคพลังประชาชนและให้กับพรรคไทยรักไทย

ท่านเหล่านี้จะบอกกับ”ประชาชน”ในพื้นที่อย่างไร

ยิ่ง นายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ ซึ่งเล่นบทบู๊ดุดันมาแล้วตั้งแต่เมื่อ เดือนเมษายน พฤษภาคม 2553 และถึงกับเคยคิดจะตั้งกองกำลัง อาสาสมัครเพื่อต้าน”รัฐประหาร”

แล้วจะอธิบายกับพี่น้องชาวโคราชคนกันเองอย่างไร

 

ในสถานการณ์หน้าสิ่วหน้าขวานอย่างนี้จึงน่าเห็นใจนักการเมืองที่ผละออกจากพรรคเพื่อไทยและนปช.เป็นอย่างมาก

เมื่อใดที่ต้องไปยืนเป็นพระอันดับเมื่อนั้นยิ่งเหน็ดเหนื่อย

เหน็ดเหนื่อยต่อการร้องเพลงเดียวกันกับ นายสุเทพ เทือกสุ บรรณ เหนือเหนื่อยต่อการร้องเพลงเดียวกันกับ นายพบูลย์ นิติตะวัน

รอให้โหมด”เลือกตั้ง” ย่างสามขุมเข้ามาเมื่อใดก็จะตระหนักว่าหนักหนาสาหัสเมื่อนั้น

ไม่ว่าที่อุบลราชธานี ไม่ว่าที่โคราช ไม่ว่าที่เลย