เผยแพร่ |
---|
สงสัยกันบ้างหรือไม่ว่าทำไม”กลุ่มสามมิตร”จึงชู นายสุริยะ จึงรุ่ง
เรืองกิจ ขึ้นไปอยู่หัวขบวน
ทำไมไม่เป็น นายสมศักดิ์ เทพสุทิน
ทั้งๆที่หากพิจารณาในแง่ความกว้างขวางและการสร้างเครือ ข่ายในทางการเมืองก็ต้องยอมรับว่า นายสมศักดิ์ เทพสุทิน มีความสันทัดจัดเจนมากยิ่งกว่า
อย่างน้อยก็สะสมมรดกซึ่งตกทอดมาจาก นายมนตรี พงษ์พานิช เต็มพิกัด
คำตอบที่เด่นชัดที่สุดก็เพราะ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รู้
รู้และสำเหนียกอย่างลึกซึ้งในทางการเมืองเหนือกว่า นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ
จึงได้ถอยมาอยู่ “แนวหลัง”
ลองจับประเด็นจากกระแสความตื่นเต้นอันดังมาจาก”กองเชียร์”คสช.แล้วประมวลก็จะค่อยๆมองเห็น
1 ภาพลักษณ์ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ ดี
ไม่เพียงแต่จบวิศวกรรมมาจากเบิร์กเลย์ สหรัฐอเมริกา หากแต่ยังร่ำรวยระดับหมื่นล้านบาท
เมื่อเป็นคนรวยจะทำอะไรล้วนดูน่านัก
1 สถานะของ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ จะเป็นรองก็แต่ นาย ทักษิณ ชินวัตร เท่านั้น เพราะอยู่ในตำแหน่งเลขาธิการ พรรคไทย รักไทย
เทียบแล้วสมน้ำสมเนื้อกับ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ที่เป็นเลขาธิการ พรรคประชาธิปัตย์
1 นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ กล้าได้ กล้าเสีย
ภาพของ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ จึงวางเรียงเคียงกับภาพของ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ได้อย่างเสมอภาค เหมาะสม
ตรงนี้เองที่ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน จำเป็นต้องถอย
กระนั้น หากดูจากการเคลื่อนไหวในพรรคมัชฌิมาธิปไตยอันเป็น ส่วนหนึ่งของ”บันได 4 ขั้น”ที่คมช.จัดวางหลังรัฐประหารปี 2549
นี่คือบทที่ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน เลือก
เขาอาจติดกลุ่มเหมือนที่ปรากฏผ่าน”กลุ่มสามมิตร”แต่ก็ไม่ยอมเล่นบท “เบอร์ 1” เขาชมชอบในการผลักดันคนอื่นและเลือกที่จะเล่น “เบอร์ 2” หรือแม้กระทั่ง “เบอร์ 0”
นายสมศักดิ์ เทพสุทิน จึงมีหนทาง”ถอย”อยู่เสมอ