เผยแพร่ |
---|
ไม่ว่านักการทหารระดับ นโปเลียน โบนาปาร์ต ไม่ว่านักวางแผนกลยุทธ์ระดับ สุมาอี้ ล้วนมีความเข้าใจในความเป็นจริงทางการทหาร
ภายใน “รุก” ย่อมมี “รับ”
ไม่มีใครจะสามารถ “รุก” ได้เพียงอย่างเดียว เพราะว่าคู่ต่อสู้มิได้ดำรงอยู่เหมือนกับเป็น “เป้านิ่ง”
เพราะว่าภายในการเคลื่อนไหวย่อมประสบกับแรงเสียดทาน
เหมือนกับการเดินทางไปยังพื้นที่ถ้ำเขาหลวง เด่นชัดอย่างยิ่งว่าเป็นฝ่ายกระทำ เป็นฝ่ายรุก แต่คำถามที่ตามมาก็คือ เหตุใดสำหรับบางคนกลับกลายเป็นต้อง “ตั้งรับ”
การเปิดปฏิบัติการ”ดูด”ของหัวขบวน”พรรคพลังประชารัฐ”ก็ใช่ว่าจะสะท้อนภาพ”รุก”อย่างเดียว หากแต่ยังมี”ด้านรับ”ดำรงอยู่
เป็นไปได้หรือที่เมื่อ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน เดินสายจากเหนือลงภาคกลาง จากภาคกลางไปยังภาคอีสานเช่นนี้จะไม่เกิดปฏิกิริยาโต้กลับ
อย่างน้อยพรรคเพื่อไทยก็คงไม่ยอมเป็น “เป้านิ่ง”
แม้ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน จะสะสมความจัดเจนการดูดมาจาก นายมนตรี พงษ์พานิช แห่งพรรคกิจสังคม
แต่ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ ก็เรียนรู้จากพรรคไทยรักไทย
อย่างน้อยวิทยายุทธ”การดูด”ไม่ว่าจะ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน ไม่ว่า นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ ก็ไม่น่าจะเกินหัวหน้าพรรคไทยรักไทยซึ่งจัดอยู่ในระดับ “โคตรดูด” ไปได้
ยิ่งทั้ง 2 บังเกิดอาการย่ามใจ เปิดตัวอย่างอึกทึกครึกโครมกลางรีสอร์ทดัง จังหวัดเลย
และผ่านสนามกอล์ฟดัง จังหวัดปทุมธานี ยิ่งยอดเยี่ยม
เมื่อ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ออกมาการันตีว่าสามารถทำได้เพราะเป็นการสนับสนุนคสช. ก็ยิ่งกลายเป็นอาหารอันโอชะ
ภาพของ “ดับเบิล สแตนดาร์ด”ก็ลอยเด่น
ไม่ว่าการดูดจะยังเดินหน้าร่าเริงไปอย่างไร แต่ปรากฏการณ์โต้กลับนั่นแหละคือเงาสะท้อนของเอกภาพด้านตรงกันข้ามระหว่าง การรุก กับ การรับ
เมื่อพรรคเพื่อไทยตั้งรับก็ต้องมีการรุก
ขณะเดียวกัน เมื่อพรรคพลังประชาชนดำเนินการรุกก็มีโอกาสกลายเป็นตั้งรับภายในกระบวนการรุก
นี่คือการสัประยุทธ์ที่อยู่ในขั้น”ยัน”ระหว่าง 2 ฝ่าย