การดำรงอยู่ของ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ กำลังได้รับการสนใจและเฝ้ามองเป็นอย่างสูง

สูงยิ่งกว่า นายเอนก เหล่าธรรมทัศน์ ด้วยซ้ำ

เหมือนกับการดำรงอยู่ของ นายชวน หลีกภัย ภายในพรรค ประชาธิปัตย์ ในฐานะประธานที่ปรึกษา

พ้นจากตำแหน่ง”หัวหน้าพรรค”มาหลายสมัยแล้ว

หลังจาก นายบัญญัติ บรรทัดฐาน เข้าไปเป็น และหลังจาก นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เข้าไปเป็น

แต่ถามว่าสถานะ นายชวน หลีกภัย เป็นอย่างไร

ตอบได้เลยว่า นายชวน หลีกภัย ถือว่าเป็นผู้มี “บารมี” สูงเด่นภายในพรรคประชาธิปัตย์ จะพูดอะไรผู้คนก็เงี่ยหูฟัง

แล้วสถานะ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เล่าเป็นอย่างไร

 

สถานะของ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ในพรรครวมพลังประชาชาติ ไทยเป็นรอง นายเอนก เหล่าธรรมทัศน์ อย่างแน่นอน

เพราะเสมอเป็นเพียง”สมาชิก”ธรรมดา

ตำแหน่งที่ได้รับมอบหมาย คือ ประธานคณะทำงานรณรงค์เชิญชวนประชาชนให้มาร่วมเป็นเจ้าของพรรค

ไม่มีอะไรเทียบ นายเอนก เหล่าธรรมทัศน์ ได้เลย

แต่เหตุใดสื่อจึงให้ความสนใจ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ มาก กว่า นายเอนก เหล่าธรรมทัศน์

เพียงเห็น”หยาดน้ำตา”ที่ไหลออกมาก็กลายเป็น “ข่าว”

ยิ่งเห็นคำยืนยันที่จะทอดตนลงเป็น “ขี้ข้า” ประชาชนเพื่อสานต่อการปฏิรูปประเทศชาติ บ้านเมือง

ยิ่งก่อให้เกิดเสียงตบมือ โห่ร้องขานรับ

บทบาทของ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ในพรรครวมพลังประชาชาติไทยจึงเหมือนบทบาทของ นายชวน หลีกภัย ในพรรคประชาธิปัตย์

      นั่นก็คือ เป็น “ผู้นำ”โดยไม่ต้องมี “ตำแหน่ง”

 

การจะมองและประเมินว่าใครเป็น “ผู้นำ” อย่างมองและประเมินจาก “ตำแหน่ง” ต้องดูจาก “บทบาท” ต้องดูจาก “ความหมาย”

ไม่เพียงแต่ความหมายภายในพรรค หากที่สำคัญ คือ ความหมายในสายตาของประชาชน

นี่คือ ความเป็นจริงในทางการเมือง