เผยแพร่ |
---|
กรณีของ นายสุวิทย์ ทองประเสริฐ กำลังเป็น “บทเรียน”อันทรงคุณค่าเป็นอย่างสูงในทางการเมือง
ไม่ว่าจะต่อ “กปปส.”
ไม่ว่าจะต่อ “พันธมิตรประชาชน เพื่อประชาธิปไตย”
การตัดสินใจส่งกำลังจากกองบังคับการปราบปรามรุกเข้าไปตลบมุ้งจับ นายสุวิทย์ ทองประเสริฐ เท่ากับยอมรับว่าการดำรงอยู่ของ นายสุวิทย์ ทองประเสริฐ คือโรคร้าย
และพลันที่การจับกุมได้เกิดขึ้นและนำไปสู่การสึกอย่างฉับพลันทันใด
โรคร้ายอันเนื่องแต่ นายสุวิทย์ ทองประเสริฐ ก็เริ่มลาม
“ปฏิกิริยา”ในทางสังคมนั้นแหละคือ “อาการ”อันน่ากลัวเป็นอย่างยิ่ง
ทั้งหมดนี้เป็นผลสะเทือนมาจากการคัดสรรคนเข้าร่วมในการต่อสู้และการเคลื่อนไหว
ตั้งเป้าหมายเพื่อ”ชัยชนะ”โดยไม่เข้มงวดในเรื่อง”วิธีการ”
ดึงใครก็ได้ให้เข้าร่วมเพื่อรวมศูนย์กำลังไปทำลาย”เป้าหมาย”ร่วมกันเฉพาะหน้า
จากก่อนเดือนกันยายน 2549 มาก่อนเดือนพฤษภาคม 2557
ไปไกลถึงขั้นมีการจัดตั้ง”กองกำลัง” และติด”อาวุธ”
ยังจำกันได้หรือไม่ว่าที่เมื่อมี “มือปืนป๊อบคอร์” ปรากฏขึ้นพร้อมกับสาดกระสุนเข้าใส่อย่างเมามัน
เสียงไชโยโห่ร้องดังขึ้นบนเวที”กปปส.” สื่อบางฉบับพาดหัวด้วยความคมเข้มเสมือนว่าเป็นการสวด “อิติปิสวน” แทน “อิติปิโส”
แล้ววันนี้ นายสุวิทย์ ทองประเสริฐ เป็นอย่างไร แม้จะมีการออกมาปกป้องอย่างไรก็มิอาจรอดพ้นไปจากการต้องชดใช้กรรม
ทุกคนที่มีส่วนเกี่ยวข้องก็ต้องเปื้อนเลือดไปด้วย
นี่เป็นผลสะเทือนมาจากการเคลื่อนไหวตั้งแต่ก่อนเดือนกันยายน 2549 กระทั่งก่อนเดือนพฤษภาคม 2557
ตัวละครยังคงอยู่กันครบถ้วน
ไม่ว่าจะสังกัด”พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย” ไม่ว่าจะสังกัด”กปปส.”
วันหนึ่งเป็น”พระเอก” แต่อีกวันหนึ่งเป็น “ผู้ร้าย”