เผยแพร่ |
---|
ถามว่าพื้นฐานแห่งการเกิดขึ้นของ #มีกรณ์ไม่มีกู ดำรงอยู่บนพื้นฐานในทางความคิดอย่างไร คล้ายกับไม่น่าจะเกิดขึ้นกับ”ก้าวไกล”
นั่นเพราะมองวิถีแห่งพรรคก้าวไกลอย่างแยกขาดจากสภาพ ความเป็นจริงซึ่งรายล้อมอยู่โดยรอบ
โดยเฉพาะปัญหาที่อบอวลอยู่ด้วย”คณิตศาสตร์การเมือง”
โดยเฉพาะเมื่ออุปสรรคที่กางกั้นอยู่เบื้องหน้าก็คือ จะทำอย่างไรให้ได้ 376 เสียงตามบทบัญญัติมาตรา 272 ของรัฐธรรม นูญ พ.ศ.2560
การดึงพรรคเป็นธรรมเข้ามาจึงเกิดขึ้น การดึงพรรคเพื่อไทย พัฒนาจึงเกิดขึ้น การดึงพรรคพลังสังคมใหม่จึงเกิดขึ้น ท่ามกลาง ความตื่นเต้นแม้จะเป็นจำนวนเพียง 3
ในความตื่นเต้นเช่นนั้นเองที่ทำให้”ฝ่ายนำ”ที่ได้รับมอบหมายบางคนแตะเข้าไปยังจำนวน 2 ส.ส.ที่มีอยู่ของพรรคชาติพัฒนาด้วยความมั่นใจ
มองข้ามภาพของ นายสุวัจน์ ลิปต์พัลลภ มองข้ามภาพของ นายกรณ์ จาติกวณิช ไป
เด่นชัดว่า”จำนวน”ได้เข้ามาอยู่ในสถานะ”ครอบงำ”บงการ
พลันที่มีการแถลงการณ์ดึงและการเข้าร่วมของพรรคชาติไทยพัฒนากล้าปรากฏขึ้น เงาสะท้อนอันเป็น”ปฏิกิริยา”อย่างรุนแรงและรวดเร็วก็บังเกิด
ความละเอียดอ่อนเป็นอย่างมากก็คือ มิได้เป็นปฏิกิริยาจาก ปัจจัยภายนอก หากแต่มาจากกลุ่มที่เป็น FANDOM
นั่นก็คือ เป็นฐานที่วนเวียนอยู่โดยรอบพรรคก้าวไกล เป็นพลังที่เคยให้การปกป้องคุ้มครองพรรคก้าวไกล และเป็นคนที่ลง คะแนนเสียงให้กับพรรคก้าวไกล
ไม่เพียงแต่รับไม่ได้ต่อรากฐานความเป็นพรรคชาติพัฒนากล้าอันเป็นการผสมผสานระหว่าง นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ กับ นายกรณ์ จาติกวณิช
หากที่สำคัญเป็นอย่างมากก็คือ รับไม่ได้กับดุลพินิจและการ ตัดสินใจของ”ฝ่ายนำ”ของพรรคก้าวไกลที่ขับเคลื่อนเรื่องนี้
เด่นชัดว่าสิ่งที่เกิดขึ้นในห้วงเวลายังไม่ทัน”ข้ามคืน”ภายใต้การดำรงอยู่ของ#มีกรณ์ไม่มีกู เป็นการพิสูจน์ถึงสถานะและการดำรง อยู่ของพรรคก้าวไกลอย่างแหลมคมและสำคัญ
สำคัญเพราะมาจาก”ภายใน”มาจาก”ด้อม”ของพรรค
สำคัญเพราะเป็น”ปฏิกิริยา”ท้าทายต่อวิถีแห่งการตัดสินใจของพรรคก้าวไกล สำคัญและเสนอทางเลือกให้ไม่มากนัก
ต่อ”สถานะ”และ”การดำรงอยู่”ของพรรคก้าวไกล