กระบวนท่าของ”ครอบครัวเพื่อไทย”จากที่สะท้อนผ่าน”ตีหนู ไล่งูเห่า” มายัง”อีสานยามได๋ เพื่อไทยยามนั่น” มีทั้งความแจ่มชัดและพัฒนาการ

แจ่มชัดตามสภาพความเป็นจริงซึ่งดำรงอยู่ในพื้นที่ของศรีสะเกษ และตามสภาพความเป็นจริงซึ่งดำรงอยู่ในพื้นที่อุดรธานี

เพราะสำหรับศรีสะเกษ ครอบครัวเพื่อไทยเผชิญกับความพยายามอย่างเต็มกำลังจากพรรคภูมิใจไทยที่จะใช้พลังดูดและวางเป้าหมายศรีสะเกษยกจังหวัด

จึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งยวดที่จะเน้นอย่างหนักแน่นและจริงจังไปยังปฏิบัติการ”ตีหนู” เพื่อสกัดขัดขวางมิให้กระแส”งูเห่า”กลายเป็นโรคระบาดใหม่

ขณะที่กล่าวสำหรับพื้นที่อุดรธานี ครอบครัวเพื่อไทยต้องการเน้นให้โมเดลที่ดำรงอยู่ในอุดรธานีเป็นพิมพ์เขียวไปยังพื้นที่อื่น จัง หวัดอื่น ตามชื่ออีเว้นท์”อีสานยามได๋ เพื่อไทยยามนั่น”

เบื้องหน้าเป้าหมายทางการเมืองเช่นนี้รูปของการแสดงออก

จึงเท่ากับทำให้ภาพที่ทุ่งศรีเมือง อุดรธานี แผ่กระจายออกไปเป็นตัวอย่างให้กับจังหวัดอื่น พื้นที่อื่น

จึงได้นำไปสู่สโลแกน”รับเงินหมา กาเพื่อไทย”ดังกึกก้อง

 

อุบัติแห่งสโลแกน”รับเงินหมา กาเพื่อไทย”เป็นสโลแกนอันกระหึ่มขึ้นในการเลือกตั้งเมื่อเดือนกรกฎาคม 2554 ประสานกับการชูนามของ นส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร

เหมือนกับเป้าหมายใหญ่คือพรรคประชาธิปัตย์ แต่ก็เน้นอย่างจริงจังไปยังพรรคภูมิใจไทย

น่าสังเกตว่าในบรรยากาศแห่งการเลือกตั้งปี 2566 พรรคประชาธิปัตย์อาจมิได้เป็นเป้าหมายใหญ่ หากเป็นพรรครวมไทย สร้างชาติ พรรคพลังประชารัฐ

กระนั้น กระบวนท่าในแบบ”ตีหนู ไล่งูเห่า” ก็ยังกระหึ่มดังจากนักปราศรัยตั้งแต่ นายอดิศร เพียงเกษ ไปจนถึง นส.แพทอง ธาร ชินวัตร

เท่ากับเน้นความรู้สึก”ร่วม”ที่จะขยายจาก นส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร มายัง นส.แพทองธาร ชินวัตร ชัดเจน

 

ยิ่งสโลแกน”รับเงินหมา กาเพื่อไทย”กระหึ่มก้องมากเพียงใด ภาพในลักษณะอันเป็นตัวแทนซึ่งเป็น”เป้า”ในทางการเมืองยิ่งทวีความแจ่มชัด ณ เบื้องหน้าประชาชน

เป็น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ทะยานมาอันดับ 1

เป็นพรรครวมไทยสร้างชาติ ขณะเดียวกัน ก็มิอาจแยกออกไปจากบทบาทของพรรคพลังประชารัฐ และบทบาทของพรรคภูมิใจไทยได้

ทิศทางเช่นนี้จะยิ่งชัดเจนไม่มีข้อกังขาสำหรับพรรคเพื่อไทย