ไม่ว่าปรากฏการณ์ #โหนกระแส ไม่ว่าปรากฏการณ์ #แพรรี่ กำลังกลายเป็นท็อล์ก ออฟ เดอะ ทาวน์

เรตติ้งที่ทะยานเข้าสู่หลัก”ล้าน”อย่างรวดเร็วคือตัวชี้วัด

1 เป็นการชี้วัดว่ารายการ”โหนกระแส”มากด้วยความร้อนแรง และ 1 บทบาทของน้อง#แพร่รี่ยังอยู่ในแสงแห่งสปอตไลต์เหมือนเดิม

เพียงแต่อยู่ใน”จังหวะ”และ”อุณหภูมิ”อันเหมาะสมมากน้อยเพียงใดเท่านั้นเอง

ต้องยอมรับว่าวิวาทะอันร้อนแรงผ่านรายการ”โหนกระแส”ประสานและสอดคล้องกับต่อมแห่งความสนใจอย่างเป็นพิเศษของสังคม

เป็นเรื่องของการศาสนา ทั้งเป็นการศาสนาที่ดำเนินไปด้วยความล่อแหลมและแหลมคม เพราะเป็นเรื่องของพระดีและพระที่เข้าข่าย”อลัชชี”

ทั้งมิได้แสดงบทบาทอยู่ตามอารามภายในประเทศอย่างทั่ว

ไป ตรงกันข้าม เป็นพระที่ทำงานเยยแผ่ศาสนาอยู่ในต่างแดนทั้งยังเป็นนครปีเตอร์สเบิร์กแห่งรัสเซีย

และแตะเข้าไปยังสถานะของ”น้องแพรรี่”เข้าอย่างเจตนา

 

ต้องยอมรับว่าการดำรงอยู่ของ”น้องแพรรี่”มิได้เป็นการดำรงอยู่อย่างเป็นธรรมดาปรกติ

เนื่องจากนี่คือบทบาทใหม่ของ “มหาไพรวัลย์”

รากฐานของ”มหาไพรวัลย์”ไม่เพียงแต่เป็นเปรียญธรรม 9 ประโยคเท่านั้น หากแต่ยังเคยเป็นนักศึกษาปริญญาเอกแห่งมหา จุฬาลงกรณ์ราชวิทยาลัย

ไม่ต้องสงสัยในความรอบรู้ในพระศาสนาเพราะอยู่ในสมณเพศมาเป็นเวลา 18 ปี ทั้งยังเป็นพระที่เข้าคารี้สีคารมแสดงทัศนะ ทางสังคมอย่างตรงไปตรงมา

ยิ่งเมื่อแปรจาก”มหาไพรวัลย์”อย่างที่เคยเป็นมาเล่นบทเป็น

“น้องแพรรี่”ความจัดจ้านยิ่งเพิ่มทวีเป็นทบเท่า และที่เห็นผ่านราย การ”โหนกระแส”ก็ดุไม่จืด

กระแห่งการวิพากษ์วิจารณ์ตามมาจึงยิ่งเพิ่มเรตติ้ง

 

ต้องยอมรับว่า บทบาทของ”น้องแพร่รี่”แตกต่างไปจากบทบาทอันเคยปรากฏผ่าน”พระมหาไพรวัลย์”

กระนั้น เนื้อหาก็ยังแวดล้อมอยู่กับการพระศาสนาเช่นเดิม

เพียงแต่เมื่อสวมบทบาทเป็น”น้องแพรรี่”ทั้งโดยการแต่งให้ประจักษ์ในเพศสภาพ และการปล่อยถ้อยคำสำนวนออกมาเป็นชุดเหมือนการรวมปืนกล

      ต้องยอมรับว่าเหมาะสมและถูกโฉลกอย่างยิ่งกับกระแสและ ความต้องการที่มีอยู่ของสังคมไทย