E-DUANG : ปรากฎการณ์ ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ กับ การเลือกใหม่ ทางการเมือง

ไม่ว่าการไลฟ์ของ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ไม่ว่าการลงพื้นที่ของ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ไม่ว่าการนำเสนอแต่ละแผนงานของ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ล้วนประสบกับสภาพ 2 สภาพ

สภาพ 1 คือ คือการขานรับและเข้าร่วมอย่างอบอุ่น คึกคัก สภาพ 1 คือ การต่อต้าน ขัดขวางและออกโรงวิพากษ์โจมตี

ความน่าสนใจยิ่งกว่านั้นยังอยู่ที่แนวเชียร์ และ แนวต้าน

แนวต้าน มีความเด่นชัดว่าเป็นฝ่ายที่เคยกระหน่ำฟาดไปยังพวกที่ถูกเรียกว่า “ควายแดง” ในกาลอดีต และเป็นฝ่ายที่เคยกระ หน่ำไปยังพวกที่ถูกเรียกว่า”สามกีบ”ในปัจจุบัน

นั่นก็คือ ฝ่ายที่เคยเล่นงานพรรคเพื่อไทย เคยเล่นงาน นายทักษิณ ชินวัตร เคยเล่นงาน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และ ณ วันนี้ก็ เล่นงาน น.ส.แพทองธาร ชินวัตร

นั่นก็คือ ฝ่ายกำลังเล่นงานพรรคเพื่อไทย กำลังเล่นงาน นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ กำลังเล่นงาน นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร อย่าง

เอาเป็นเอาตาย

เท่ากับเป็นพวกที่เคยเชียร์ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา พวกที่เคยด่า นายทักษิณ ชินวัตร นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ

 

จากนี้จึงเห็นได้ว่า บรรยากาศอย่างที่เคยประสบกันในห้วงหลังรัฐประหารเมื่อเดือนพฤษภาคม 2557 ยังดำรงอยู่ และยิ่งหนักขึ้นเมื่อผ่านเดือนพฤษภาคม 2565 เป็นต้นมา

เพียงแต่เป้าหมายใหม่เป็น นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ซึ่งอยู่ในตำแหน่ง ผู้ว่าฯกทม.เท่านั้น

เนื่องจากเห็นว่า นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ เคยเป็นรัฐมนตรีในรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เคยเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีในการเลือกตั้งเมื่อเดือนมีนาคม 2562

หารู้ไม่ว่า นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ได้พัฒนายกระดับไปจากสถานการณ์เดิมอย่างสิ้นเชิง เพียงแต่ยังสัมพันธ์อยู่กับพรรคเพื่อ ไทยและบางส่วนจากพรรคก้าวไกล

สถานการณ์ใหม่จะทำให้ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ต้องเลือก

 

การเลือกในที่นี้ของ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ มิได้เป็นการเลือกในแบบที่เคยเห็นจากรัฐประหาร 2549 และจากรัฐประหาร 2557

หากแต่เป็นการเลือกในสถานการณ์ใหม่

เป็นการเลือกเพื่อเอาชนะในแนวของ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์

เป็นการเลือกเพื่อพิสูจน์ให้เห็นว่าแนวในแบบรัฐประหารเมื่อปี 2549 และเมื่อปี 2557 มิใช่แนวที่ถูกต้องมีอนาคต

เป็นการเลือกบนหลักการ ทำงาน ทำงาน ทำงาน มั่นแน่ว