ใครก็ตามที่เคยแสดงความกังขาเมื่อเห็นภาพ นายปิยบุตร แสงกนกกุล ประณมมือไหว้ พล.อ.ม.ล.จุลเจิม ยุคล ในงานรัฐพิธีหนึ่ง ณ ทำเนียบรัฐบาล

จะมีความรู้สึกอย่างไรเมื่อเห็นภาพ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ไหว้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ด้วยความนอบน้อม

ไม่เพียงแต่ปวารณาตนพร้อมที่จะทำงานและให้ความร่วมมือกับรัฐบาลอย่างใกล้ชิดเท่านั้น หากแต่ลั่นวาจาว่าเรื่องที่เคยเกิดเมื่อเดือนพฤษภาคม 2557 เป็นเรื่องของ”อดีต”

หากมองจากความสัมพันธ์อันเห็นได้อย่างเด่นชัด ณ สโมสร ทหารบก เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม เมื่อ 5 ปีก่อนเป็นเรื่องยากอย่าง ยิ่งที่จะลืมหรือไม่คิดถึงเลย

รู้ทั้งรู้ว่าการแสดงออกของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในฐานะนายกรัฐมนตรีและในฐานะประธานศบค.ต่อ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ มีเป้าหมายอะไรในทางการเมือง

กระนั้น นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ก็มีวุฒิภาวะอย่างเพียงพอที่

จะเผชิญประสบกับความเป็นจริงที่ดำรงอยู่ ณ เบื้องหน้า อย่างสุขุมเปี่ยมด้วยคัมภีรภาพ

แทบไม่แตกต่างไปจากที่ นายปิยบุตร แสงกนกกุล เคยประณมมือไหว้ พล.อ.ม.ล.จุลเจิม ยุคล เมื่อหลายปีก่อน

ไม่ว่าจะมองจากด้านของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ไม่ว่าจะมองจากด้านของ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ จำเป็นต้องเข้าใจและเดินหน้าอยู่กับมันได้อย่างมั่นใจ

ไม่เพียงเพราะว่านี่คืองานในทาง”พิธีกรรม” หากแต่ที่สำคัญ นี่คือสิ่งที่จะต้องเกิดขึ้นในความเป็นจริง

ในเมื่อความเป็นจริงในขณะนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา คือนายกรัฐมนตรีและดำรงอยู่ในสถานะแห่งประธานศบค. นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ซึ่งเป็นผู้ว่าฯกทม.ยากยิ่งที่จะปัดปฏิเสธ

ถามว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ลืมบทบาทของตนเมื่อ เดือนพฤษภาคม 2557 จริงหรือ ถามว่า นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ลืม

สภาพที่ตนถูกกระทำเมื่อเดือนพฤษภาคม 2557 จริงหรือ

ยากยิ่งจะลืม เพียงแต่จะ”บริหารจัดการ”อย่างไรเท่านั้นเอง

นี่คือสภาพการณ์ทางการเมืองที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะมองจากด้านของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ไม่ว่าจะมองจากด้านของ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ก็ตาม

เพียงแต่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะเคยคิดบ้างหรือไม่

เด่นชัดว่า ณ วันนี้ ต้องเผชิญประสบกับ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ที่มาพร้อมกับคะแนนกว่า 1.3 ล้านจากประชาชน

ทั้งอีกไม่นานต้องเผชิญกับคนอย่าง นายณัฐวุฒิ ไสยเกื้อ อีก