เหมือนกับการเดินทางไปตรวจราชการของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่จังหวัดสกลนคร สะท้อนให้เห็นการเข้าไปเพื่อยึดครองในลักษณะของ”พื้นที่”

เหมือนกับการเปิดปฏิบัติการ”ครอบครัวเพื่อไทย”ที่ศรีสะเกษในการ”ไล่หนู จัดการ”งูเห่า”เพื่อเรียกคืนในลักษณะของ”พื้นที่”

แต่เมื่อมองลึกลงไปภายในของ”รายละเอียด”ก็จะสัมผัสได้ว่า แท้จริงแล้ว แม้จะดูเหมือนกับเป็นการเข้าไปช่วงชิง”พื้นที่”ทาง การเมือง กระนั้น ความหมายในขั้นที่สุดก็คือ “คน”

“คน” ต่างหากที่เป็น “หัวใจ” และเป็น”ความปรารถนา”อย่าง เบ็ดเสร็จเด็ดขาด

จำนวนของ ส.ส.ที่จะได้มาผ่านกระบวนการของการเลือกตั้ง คือเป้าหมายอย่างแท้จริงและทรงความหมายยิ่งในทางการเมือง ไม่ว่าจะมองจากรัฐบาล ไม่ว่าจะมองจากพรรคเพื่อไทย

อย่างไรก็ตาม ภายในกระบวนการแย่งชิง”คน” การทะลวงไป ยังความปรารถนา ความต้องการ และความสามารถในการหยิบ

ยื่นหรือสร้าง”ความหวัง”ให้บังเกิดจึงทรงความหมาย

ไม่ว่าจะมองผ่าน”ซุนวู” ไม่ว่าจะมองผ่าน”เคลาซวิตซ์”การยึดครอง”ใจ”จึงเป็นเป้าหมายและเครื่องหมายแห่งชัยชนะ

 

เคลาซวิตซ์ อาจเป็นจุดเริ่มต้นแห่งนิยามที่ว่า สงครามคือความต่อเนื่องของการเมือง นั่นก็คือ เป็นการเมืองในลักษณะที่เรียกว่ามีการหลั่งเลือด

ขณะเดียวกัน เป้าหมายสูงสุดในการทำสงครามที่ยอดเยี่ยมคือ การทำสงครามโดยไม่ต้องมีการสู้รบ

เป้าหมายการโจมตีของซุนวูจึงมุ่งไปที่”ใจ”เป็นหลัก

เมื่อนำไปประสานเข้ากับบทสรุปของเคลาซวิตซ์ที่ว่า การยึด ครองอย่างมีประสิทธิผลมิได้เป็นการยึดครองพื้นที่หากแต่อยู่ที่การยึดครองหัวใจ

คล้ายกับสงครามจะเป็นการเมืองที่หลั่งเลือด แต่เป้าหมาย แห่งสงครามไม่ว่าหลั่งเลือดหรือไม่หลั่งเลือด ก็ล้วนแต่ดำรงอยู่ในหลักการใหญ่แห่งการเมืองทั้งสิ้น

จากความเป็นจริงนี้การยึดกุม”ความคิด”จึงทรงความหมาย

 

เหตุผลอะไรพรรคอนาคตใหม่จึงได้ยืนหยัดในแนวทางแห่งการปักธงในทาง”ความคิด”อย่างแน่วแน่และมั่นคงแม้เมื่อพัฒนามาเป็น พรรคก้าวไกลแล้ว

เห็นได้จากกรณีของ”สุราก้าวหน้า”และ”สมรสเท่าเทียม”

ในความเป็นจริง การสามารถผ่านวาระหนึ่งมาได้แม้จะเสนอโดยฝ่ายค้าน คือการสะสมในเชิงปริมาณ สะสมชัยชนะ

ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นแรงสะเทือนจาก”ปักธง”ทาง”ความคิด”