เผยแพร่ |
---|
ด่านแรกที่ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ต้องประสบอาจเห็นได้จากคลองลาดพร้าว อาจเห็นได้จากอุโมงค์ยักษ์ในย่านฝั่งธนบุรี
แต่ที่แหลมคมอย่างที่สุดกลับเป็น”สายสีเขียว”
พลันที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ระบุว่ารัฐบาลจะต้องฟังว่า ผู้ว่าฯกทม.คนใหม่ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ จะจัดการอย่างไรกับ เรื่องนี้
เท่ากับทุกคำพูดและการเคลื่อนไหวของ นายชัชชาติ สิทธิ พันธุ์ จะกลายเป็น”ประเด็น”ขึ้นมา
นั่นก็คือ จะสามารถทำอย่างที่พูดและที่สำคัญคือทำได้หรือ
ความเป็นจริงที่ต้องยอมรับในขณะนี้ก็คือ ภายในของรัฐบาล เองก็ยังไม่สามารถหาบทสรุปที่ลงตัวได้เพราะมีคำถามจากพรรค ภูมิใจไทยโดยที่ยังไม่มีคำตอบ
แม้ว่าคำตอบโดยพื้นฐานจะมาจากกรุงเทพมหานครแล้วโดย ส่งผ่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย แต่ในเมื่อพรรคภูมิใจยังไม่เห็นด้วยทุกอย่างจึงต้องชะลอ
คำถามจากที่เคยถาม พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง คำถามจากที่เคยถาม พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ก็ต้องหันมาถาม นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์
นี่คืองานแรก นี่คือด่านแรกในการทดสอบความแข็งแกร่ง
ต้องยอมรับว่าท่าทีของ พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง มีความเป็นอัน หนึ่งอันเดียวกันกับท่าทีของ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา และท่าทีของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
เพราะ พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ตอบคำถามครั้งแล้วครั้งเล่าด้วยประโยคเดียวว่า “แล้วแต่ผู้ใหญ่”
จากคำตอบในลักษณะนี้เองที่นำไปสู่การตั้งคำถามในเชิงคาดคั้นจาก นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร และกลายเป็นประเด็นที่ ทุกเวทีดีเบตต้องการคำตอบจากผู้สมัคร
อาจกล่าวได้ว่าท่าทีของ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ อาจไม่ร้อน แรงเท่ากับท่าทีของ นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร แต่ก็เป็นไปในทิศ ทางที่ไม่แตกต่างกันมากนัก
เมื่อความจริงเป็นเช่นนี้ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ จะทำอย่างไร
โจทย์อันเนื่องแต่โครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวมิได้เป็นโจทย์ที่มอง ผ่านผู้ว่าฯกรุงเทพมหานครยุค พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง เท่านั้นแต่เริ่มต้นจากยุค ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร
กระบวนการของ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ จึงถูกจับตามอง
ไม่เพียงแต่มองจาก ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร หากแต่ยังมอง จาก พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง อย่างแหลมคม
เจตจำนงอันแน่วแน่จึงกลายเป็น”ประเด็น”อันแหลมคม