จังหวะก้าวอันออกมาจาก นายอานนท์ นำภา แทบไม่แตกต่างไปจากจังหวะก้าวอันออกมาจาก นายณัฐวุฒิ ไสยเกื้อ

เหมือนกับจะเล่นบทบาทของ “หลวงมุ่งกระแทกกลาง”

มิได้อยู่ตรงกลางระหว่าง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ

หากอยู่ระหว่าง 1 พรรคเพื่อไทย 1 พรรคก้าวไกล

มิได้เป็นการสื่อไปยังบุคลากรระดับ”บน”ของแต่ละพรรค หากแต่ยังเป็นการสื่อไปยังสิ่งที่เรียกขานกันว่า “ติ่ง”

ไม่ว่าจะเรียกว่า”ซัพพอร์ตเตอร์” ไม่ว่าจะเรียกว่า “นางแบก”

นายอานนท์ นำภา อาจจะเพิ่งออกมาจากสถานที่จำขัง จึงตระหนกตกใจ และตกอยู่ในภาวะนะจังงังระยะหนึ่งกว่าจะสามารถ เล่นบทเป็น”หลวงมุ่งกระแทกกลาง”

ตรงกันข้าม นายณัฐวุฒิ ไสยเกื้อ อยู่ในระหว่าง”เขาควาย”นี้มาอย่างยาวนานกระทั่งมองเห็นเป็นเรื่องที่ต้องทำความเข้าใจ

เป็นการทำความเข้าใจจาก”รากฐาน”ทางการเมืองของตน

 

อย่าลืมเป็นอันขาดว่า นายณัฐวุฒิ ไสยเกื้อ แนบแน่นอย่างยิ่งอยู่กับ พรรคไทยรักไทย พรรคพลังประชาชน พรรคเพื่อไทย และการเคลื่อน ไหวของ”นปช.”

คนๆนี้เองที่สวมเสื้อเขียนคำว่า”ไพร่”เมื่อเดือนเมษายน 2553

ขณะเดียวกัน นายอานนท์ นำภา ก็เคยเป็นทนายความให้กับคนเสื้อแดงก่อนจะขค้นเวทีปราศรัยในชุด แฮร์รี่ พ็อตเตอร์ กระทั่ง กลายเป็นแกนนำคนหนึ่งของ”คณะราษฎร 2563”

จากบทบาทของ”ทนายความ”ต่อคนที่เคลื่อนไหวเมื่อเดือนเมษายน พฤษภาคม 2553 วันนี้ นายอานนท์ นำภา กลายเป็นคนที่มีส่วนร่วมให้เกิด”คณะราษฎร 2563”ขึ้น

สายสัมพันธ์ต่อพรรคเพื่อไทย พรรคก้าวไกล จึงละเอียดอ่อน

 

หากเห็นว่า นายณัฐวุฒิ ไสยเกื้อ เอนไปทาง”คนเสื้อแดง” หากเห็นว่า นายอานนท์ นำภา เอนไปทาง”คณะราษฎร 2563” แต่เยื่อใยต่อ พรรคเพื่อไทย พรรคก้าวไกลก็แนบแน่น

บทบาทของ นายณัฐวุฒิ ไสยเกื้อ บทบาทของ นายอานนท์ นำภา จึงน่าจะเป็นบทบาทที่ควรให้ความเคารพเป็นอย่างสูง

ภายใต้การต่อสู้อันแหลมคมระหว่างเพื่อไทย ก้าวไกล