เผยแพร่ |
---|
การยกคำว่า “มารยาท”ทางการเมืองขึ้นมาของพรรคประชาธิปัตย์ได้กลายเป็น “คำถาม” อันแหลมคมขึ้นมาไม่เพียงแต่ต่อพรรคพลังประชารัฐ หากแต่ยังต่อพรรคประชาธิปัตย์เองด้วย
เป็นคำถามว่าเหตุใดในการเลือกตั้ง”ซ่อม”ที่เขต 4 นครศรีธรรม ราชจึงไม่กลายเป็น “ประเด็น”
หากกลับเป็นปัญหาร้อนแรงอย่างยิ่งพลันที่พรรคพลังประชารัฐ ส่งคนของตนลงเลือกตั้งในเขต 6 สงขลา และตามมาด้วยการส่งคนลงในเขตเลือกตั้ง 1 ชุมพร
และเมื่อมีการเลือกตั้งซ่อมในพื้นที่จตุจักร หลักสี่ เขต 9 ซึ่งเป็นพื้นที่เดิมของ นายสิระ เจนจาคะ แห่งพรรคพลังประชารัฐ โอกาสในการเอาคืนจากพรรคประชาธิปัตย์จึงได้เกิดขึ้น
เป็นการเอาคืนอันสะท้อนให้เห็น”มารยาท”ทางการเมืองของ พรรคประชาธิปัตย์ที่เหนือกว่าพรรคพลังประชารัฐ
คำถามอยู่ที่ว่า ความสุกงอมของพรรคประชาธิปัตย์ในการยืนหยัดในหลัการแห่ง”มารยาท”ทางการเมืองมาจากเหตุผลและความ เป็นจริงใดในทางการเมือง
ความเป็นจริงจากผลการเลือกตั้งเมื่อเดือนมีนาคม 2562 ก็คือ พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ แห่งพรรคประชาธิปัตย์ได้คะแนน 16,000 คะแนน จัดอยู่ในลำดับที่ 4
นั่นก็คือแพ้ให้แก่คนของพรรคพลังประชารัฐ แพ้ให้แก่คนของ พรรคเพื่อไทย แพ้ให้แก่แม้กระทั่งคนของพรรคอนาคตใหม่
พรรคอนาคตใหม่ได้ 25,000 มากกว่า 16,000 จำนวนมาก
ขณะเดียวกัน ความเป็นจริงหนึ่งก็คือการเลือกตั้งซ่อมครั้งนี้ยังมีอดีตพรรคประชาธิปัตย์ซึ่งเคยเป็นเจ้าของพื้นที่เดิม คือ นายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี ลงสมัครในนามพรรคกล้า
แนวโน้มและความเป็นไปได้ที่พรรคประชาธิปัตย์จะเอาชนะได้
มีน้อยอย่างยิ่งเมื่อเปรียบเทียบจากฐานคะแนนที่มีอยู่ในมือ
คำประกาศในเรื่อง”มารยาท”ทางการเมืองจึงสะท้อนความจัดเจนในทางการเมืองของพรรคประชาธิปัตย์ จึงสะท้อนการแปร”วิกฤต” ให้กลายเป็น”โอกาส”อย่างงดงาม เท่ากับถอยในลักษณะ”รุก”
รุกอย่างต่อเนื่องไปยังพรรคพลังประชารัฐ ซึ่งกำลังใช้ทุกความ ได้เปรียบเพื่อเข่นพรรคประชาธิปัตย์ในพื้นที่ภาคใต้
คำถามอยู่ที่ว่าการถอยในลักษณะรุกเช่นนี้ผลจะออกมาเช่นใด