เผยแพร่ |
---|
พลันที่ นายรังสิมันต์ โรม เปิดประเด็นการเลือกตั้งครั้งหน้าคือ การเลือกตั้ง”นายกรัฐมนตรี”
จังหวะก้าวของ”ก้าวไกล”ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ก็ได้คำตอบ
จำได้หรือไม่ว่าในการดำเนินญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลง มติไม่ไว้วางใจ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในเดือนกุมภาพันธ์ เด่นชัดยิ่งว่ามิได้เป็นการไม่ไว้วางใจอย่างธรรมดา
ด้านหนึ่ง เท่ากับเป็นการประมวลและประสานความเรียกร้อง ต้องการของสังคมที่กระหึ่มด้วยเสียง”ออกไป ออกไป”ดังกึกก้องโดย เฉพาะที่เริ่มด้วย”เยาวชนปลดแอก”
ขณะเดียวกัน ด้านหนึ่ง พรรคก้าวไกลสรุปรวมผ่านปาก นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ และ น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล ว่าหมดเวลาของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา แล้ว
และนั่นหมายถึงจุดเริ่มสำหรับ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์
เป็นการนำเสนอตัวเองผ่านกระบวนการของพรรคก้าวไกลที่แม้จะเพิ่งเริ่มต้นบาทก้าวแรกในทางการเมือง
แต่ก็ต่อยอดมาจากความสำเร็จของ”อนาคตใหม่”
จากนั้นหากใครติดตามบทบาทของพรรคก้าวไกลประสานเข้ากับจัง หวะก้าวแต่ละก้าวของ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ก็จะสัมผัสได้ในการปักธงในทางความคิด
จุดเริ่มต้นอันติดปากของ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ คำหนึ่งก็คือ หากผมเป็น”นายกรัฐมนตรี”ผมจะทำอย่างไร
ยิ่งเมื่อ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เดินสายไปยังภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ไปยังภาคเหนือและทะลุทะลวงไปยังภาคตะวันออกก็จะเห็นถึงกระบวนการ
นี่มิได้เป็นกระบวนการเพื่อเสนอและแนะนำตัวอย่างธรรมดา ตรงกันข้ามเป็นการแนะนำตัวเพื่อแสดงความพร้อมที่จะเข้าแทนที่
แทนที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในฐานะ”นายกรัฐมนตรี”
หากดูจากวัยและความพร้อมอย่างเทียบเคียง ไม่ว่าจะกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ไม่ว่าจะกับ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ หรือ นายอนุทิน ชาญวีรกูล
วัย 41 ของ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ มีลักษณะ”ร่วมสมัย”ยิ่ง
เป็นความร่วมสมัยเมื่อเปรียบเทียบกับ”ทรูโด”แห่งแคนาดา เมื่อเปรียบเทียบกับ”มาครง”แห่งฝรั่งเศส
สะท้อนยุคสมัยแห่งการเข้ามาของ”คนรุ่นใหม่”เต็มเปี่ยม