เผยแพร่ |
---|
การสร้างกระแส “ดิสเครดิต” หรือ “ด้อยค่า”เริ่มหันจาก นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ไปยัง นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์
ไม่ว่าในเรื่อง”ครอบครัว” ไม่ว่าในเรื่อง”การศึกษา”
นี่เป็นสภาพที่สามารถเข้าใจได้ในท่ามกลางความร้อนแรงเป็นลำดับของ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์
ประสานกับคะแนนและความนิยมของพรรคก้าวไกล
ที่เคยประเมินว่าการยุบพรรคอนาคตใหม่เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2563 คือ บทจบไม่เพียงแต่โดยพรรคการเมือง หากแต่ยังหมายถึง นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ นายปิยบุตร แสงกนกกุล ด้วย
แม้จะมีข่าวความปั่นป่วนภายใน เกิดการแยกแตกตัวของสิ่งที่ เรียกว่า”งูเห่า”จำนวนไม่น้อย กระนั้น ที่มัดรวมกันในนามพรรคก้าว ไกลก็เข้มแข็งและแสดงพลานุภาพอย่างต่อเนื่อง
ขณะที่ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ผงาดผ่าน”คณะก้าวหน้า”
บทบาทของ นายพิธา ลิ้มเจริญ นายชัยธวัช ตุลาธน นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร มีความโดดเด่น
ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าบทบาทของ”ธนาธร-ปิยบุตร-พรรณิการ์”
เป้าหมายที่ต้องการบดขยี้พรรคอนาคตใหม่ให้แหลกละเอียดจึงมลายมิได้เป็นไปตามความปรารถนา
กลับเป็นเหมือนไทยรักไทย พลังประชาชน เพื่อไทย
กลับทำให้ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ นายปิยบุตร แสงกนกกุล มีความโดดเด่นไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าความโดดเด่นของ นายทักษิณ ชิน วัตร น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร
ยืนยันให้เห็นว่า ยุทธศาสตร์”ยุบพรรค”อาจก่อให้เกิดความสะใจแต่ก็มิได้เป็นไปตามเป้าหมายอย่างครบถ้วน
การดำรงอยู่ของพรรคเพื่อไทยจึงเป็นเอกลักษณ์หนึ่ง การดำรงอยู่ของพรรคก้าวไกลจึงเป็นเอกลักษณ์หนึ่ง
แม้จะแตกต่างแต่ก็เป็นความแตกต่างที่มากด้วยสีสัน
กว่าจะรู้ตัวว่าแผนยุบพรรคอนาคตใหม่ไม่ประสบความสำเร็จก็เมื่อ พรรคก้าวไกลมีที่ยืนอันเด่นชัด ก็เมื่อ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ผงาดขึ้นมาในฐานะแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี
จึงเกิดสภาวะตื่นตัวและเริ่มจัดปฏิบัติการ ไอโอ กระหน่ำเข้าไป
เมื่อขยายภาพความเลวร้ายของครอบครัว เมื่อขยายภาพทางการศึกษาอันประเมินว่าจะเป็นจุดอ่อนรั้งดึง
ตรงกันข้าม กลับจะเป็นการสร้าง”จุดเด่น”ขึ้นมาโดยอัตโนมัติ