การเคลือนไหวของ”ราษฎร”ผ่าน”รวมพลคนไม่มีจะกิน ตีหม้อไล่เผด็จการ” ณ บริเวณสกายวอล์ก MBK ในตอนเย็นย่ำของค่ำวันที่ 10 กุมภาพันธ์ ได้ก่อให้เกิดปฏิบัติการไปยังสน.ปทุมวันโดยอัตโนมัติ

เป็นลักษณะอัตโนมัติอันเนื่องจากมีเยาวชนที่เข้าร่วมในการชุม นุมถูกคุมตัวไปยังสน.ปทุมวันจำนวนหนึ่ง

การชุมนุมที่คาดหมายกันว่าจะมีจุดนัดรวมพลที่แน่นอน ในพื้นที่อันเป็นสกายวอล์ก บริเวณแยกปทุมวัน จึงยกระดับกลายเป็นการเดินขบวนขึ้นมาในฉับพลันทันใด

เด่นชัดยิ่งว่า การเคลื่อนไหวมีการยกระดับและพัฒนาไปกับสภาพความเป็นจริง ปฏิบัติการของเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงมีส่วนอย่างสำคัญทำให้การชุมนุมมิได้ดำรงอยู่อย่างมีลักษณะตายตัว

พลันที่มีการเคลื่อนขบวนจากบริเวณสกายวอล์กไปยังบริเวณ หน้าสน.ปทุมวัน การไหวตัวของผู้ชุมนุมทำให้สามารถคำนวณปริมาณได้อย่างเป็นรูปธรรม

ในที่สุดแล้วปริมาณของผู้เข้าร่วมในการเคลื่อนไหวนั้นเองที่เป็นปัจจัยกำหนดทิศทางและจุดสุดท้ายของการชุมนุม

 

ต้องยอมรับว่า การชุมนุมในยุคของ”ราษฎร”นับแต่เดือนกรกฎาคม 2563 เป็นต้นมา มีความแตกต่างไปจากการชุมนุมเกือบทุกการชุม นุมในอดีต

ไม่ว่าอดีตเมื่อเดือนตุลาคม 2516 ไม่ว่าอดีตเมื่อเดือนพฤษภา คม 2535 ไม่ว่าอดีตก่อนรัฐประหารในห้วงทศวรรษหลัง

ที่สำคัญก็คือ เครื่องมือ”สื่อสาร”ได้เข้ามามีบทบาท

พลันที่มีการขว้างระเบิดเข้าใส่ในบางพื้นที่ของการชุมนุม พลันที่มีการโยนแก๊สน้ำตาเข้าใส่ในบางพื้นที่ของการชุมนุม เทคโนโลยีในมือของผู้ชุมนุมนั่นแหละจะสะท้อนออกอย่างฉับพลันทันใด

หลังมีปฏิบัติการที่หมายจะให้เป็น”เรื่องลับ” จึงไม่เพียงแต่เทคโนโลยีจะเป็นเครื่องมือในการฟ้อง หากแต่ประชาชนที่อยู่ในเหตุ การณ์ก็พร้อมออกตอบโต้

เทคโนโลยีและความกล้าหาญของประชาชนจะเป็นเครื่องควบคุมปฏิบัติการ ไม่ว่าจะมาจากฝ่ายใดก็ตาม

 

ความฉับไวจากเทคโนโลยีทันสมัย ความกล้าหาญของประชาชนจะมีส่วนอย่างสำคัญในการควบคุมไม่เพียงแต่ต่อปฏิบัติการ หากที่ทรง ความหมายยิ่งคือการควบคุมทิศทางของ”ข่าว”

ยากเป็นอย่างยิ่งที่การใส่ร้ายป้ายสีจะเกิดขึ้นอย่างย่ามใจ เนื่อง จากปัจจัยแต่ละปัจจัยจะควบคุมและตรวจสอบอย่างตรงไปตรงมา

ข่าวลือ ข่าวปล่อย ก็มิอาจหลุดรอดไปจากการตรวจสอบได้