เผยแพร่ |
---|
หากมองผ่านการเคลื่อนไหวเสนอญัตติขอตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญเพื่อศึกษาและแก้ไขรัฐธรรมนูญก็จะสัมผัสได้ในความคึกคักและเข้มข้น
เพราะไม่เพียงแต่ 7 พรรคร่วมฝ่ายค้านเท่านั้นที่ขยับ หากแต่ ภายในพรรคร่วมรัฐบาลก็ขยับ
นั่นก็เห็นได้จาก ท่าทีของพรรคประชาธิปัตย์ ตามมาด้วยท่าทีของพรรคชาติไทยพัฒนา และปิดเกมด้วยการขยับของพรรคพลังประชารัฐ
กระนั้น ข้อสังเกตจาก นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ที่ว่าให้ระวังว่าอาจจะมีกระบวน”ไฮแจ๊ก”ในเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ
แทนที่จะ “เดินหน้า” กลับจะกลายเป็น “เดินวน”กลับที่เดิม
ขอให้จับตาดูการเคลื่อนไหวของพรรคประชาธิปัตย์ พรรคชาติไทย พัฒนา และโดยเฉพาะพรรคพลังประชารัฐอย่างชนิดตาไม่กะพริบ เป็นพิเศษ
เริ่มจากมีการตั้งข้อสังเกตจากภายในพรรคประชาธิปัตย์ในกรณีการเคลื่อนไหวของ 7 พรรคร่วมฝ่ายค้าน
ทำนองไม่เห็นด้วยการเคลื่อนไหวจัดตั้ง”เวที”
บางคนถึงกับระบุว่า เมื่อปิดสมัยประชุมสภาก็ควรจะยุติไม่ควรมีการเคลื่อนไหว เพราะอาจทำให้เกิดความเข้าใจผิด
ขณะเดียวกัน ทางด้านพรรคพลังประชารัฐก็ฉวยทุกโอกาสเพื่อชี้ให้เห็นว่าควรแก้ปัญหาเศรษฐกิจก่อนปัญหารัฐธรรมนูญ ตัวอย่างที่เห็นก็คือ เสียงจากประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์
ถึงกับระบุว่า “ยังไม่จำเป็นต้องรีบร้อน”
ยิ่งกว่านั้น เมื่อคนของพรรคพลังประชารัฐไปขึ้นเวทีของธกส. ที่จัดเพื่อขับเคลื่อนนโยบายของกระทรวงการคลัง ก็เน้นให้เห็นความจำเป็นในการทำให้ประชาชนท้องอิ่ม
และชี้ว่า หากมีการเคลื่อนไหวเรื่องแก้รัฐธรรมนูญก็อาจทำให้การแก้ปัญหาปากท้องต้องหยุดชะงักกลายเป็นปัญหา
เท่ากับ”ยิ้มเห็นแก้ม แย้มเห็นไรฟัน”เรื่องรัฐธรรมนูญ
ที่บอกว่า “หนทางพิสูจน์ม้า กาลเวลาพิสูจน์คน”นั้นเด่นชัดอย่างยิ่งว่าแท้จริงแล้วที่บรรจุการแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็น 1 ใน 12 นโยบายเร่งด่วนนั้นความเป็นจริงอยู่ตรงไหน
คำตอบจากพรรคพลังประชารัฐ จากพรรคประชาธิปัตย์ จากพรรคชาติไทยพัฒนาก็มีให้เห็น ตลอด 2 รายทาง