E-DUANG : การเตรียม พื้นที่ การเมือง ต้อนรับ ประวิตร วงษ์สุวรรณ

ปรากฏการณ์ตั้ง 60 วิปของพรรคร่วมรัฐบาลเกิดขึ้นพร้อมกับจังหวะก้าวการเข้ามาเป็นประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์ พรรคพลังประชารัฐของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ

เท่ากับเป็นหลักประกันในเรื่องคะแนนเสียงให้ก่อนที่จะเข้าสู่ สมรภูมิทางการเมืองอันเข้มข้นมากขึ้น

ความพ่ายแพ้ในเกมประชุมสภา 2 ครั้งติดต่อกันผ่านการลงมติในเรื่องข้อบังคับการประชุมสภาผู้แทนราษฎร เสมือนเป็นการอุ่นเครื่อง

เพราะเสมอเป็นเพียง”ข้อบังคับ”มิได้เป็นเรื่อง”กฎหมาย”

แต่ทั้งหมดก็เป็นสัญญาณอันคมแหลมยิ่งในทางการเมืองจากจุดอ่อนของการขาดประชุม

เป็นการขาดประชุมของ ส.ส.ฝ่ายรัฐบาล

 

ในความเป็นจริง การที่รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้ส.ส.จากพรรคประชาธิปัตย์ พรรคภูมิใจไทย พรรคชาติไทยพัฒนาและ พรรคชาติพัฒนาเข้าไปถือว่ามีความหมาย

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง พรรคประชาธิปัตย์ที่มี นายชวน หลีกภัย เป็นเสาหลัก

หากผนึกประสบการณ์และความจัดเจนของ นายชวน หลีก ภัย เข้ากับของ นายชัย ชิดชอบ แห่งพรรคภูมิใจไทย ถือได้ว่ารัฐบาลมีทรัพยากรบุคคลอันล้ำค่า

เทียบกับพรรคเพื่อไทยซึ่งมี นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ พรรคประชาชาติ ซึ่งมี นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ก็ยังด้อยกว่า

กระนั้น ท่าทีของพรรคประชาธิปัตย์ พรรคภูมิใจไทย พรรคชาติไทยพัฒนา พรรคชาติพัฒนา ก็ยังเปี่ยมด้วยมารยาท คือเปิดทางให้กับพรรคพลังประชารัฐอย่างเต็มที่

การผนึกพรรคพลังประชารัฐเข้ากับพรรคประชาธิปัตย์ พรรคภูมิใจไทย พรรคชาติไทยพัฒนา พรรคชาติพัฒนา จึงจะมีบทบาท

 

หากเมื่อใด พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เข้ามานั่งในตำแหน่งประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์ พรรคพลังประชารัฐ อย่างเต็ม ภาคภูมิ

นั่นหมายถึงการผนึกและประสานกับพรรคร่วมรัฐบาลไม่ว่าจะพรรคประชาธิปัตย์ ไม่ว่าจะพรรคภูมิใจไทย

คำถามก็คือ จะประสานด้วยอะไร

นั่นก็คือ จะประสานด้วย”นโยบาย” ประสานด้วย”ผลประโยชน์”ร่วม