เผยแพร่ |
---|
แต่ก็ต้องยอมรับว่า แก้ว”พลังประชารัฐ”ได้”ร้าว”แล้ว
เป็นอาการร้าวซึ่งแม้จะยังให้ความเคารพ ความเชื่อมั่นอย่างสูงต่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา แต่ก็ต้องยอมรับว่ารอยร้าวนี้สะ ท้อนความขัดแย้งในเรื่องของผลประโยชน์อย่างเด่นชัด
เป็นการมิอาจมองหน้ากันได้ระหว่าง 30 เสียงกลุ่มสามมิตร กับ 11 เสียงกทม.อันมีพื้นฐานจากกปปส.
พรรคพลังประชารัฐจึงมิได้แกร่งอย่างที่คิดวาดเอาไว้อีกแล้ว
ถึงแม้จะเคยมีบทสรุปก่อนหน้านี้ว่า “รัฐธรรมนูญฉบับนี้ DESIGN มาเพื่อพวกเรา” หรือ “รัฐธรรมนูญฉบับนี้ DESIGN มาเพื่อให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี”
อาจเป็นไปได้ อาจเป็นจริง
ดังที่ได้ยินกันเด่นชัดถนัดหูจาก 500 เสียงของ ส.ส.และส.ว.ที่ขานชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อย่างพร้อมเพรียงเมื่อวันที่ 5 มิถุนายน
แต่จากวันที่ 5 มาถึงวันที่ 1 กรกฎาคม เป็นเวลาเกือบครึ่ง เดือนสถานะของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นอย่างไร
ได้เป็นนายกรัฐมนตรีตามที่มาดคาดหวังเอาไว้ครบถ้วน
แต่เป็นนายกรัฐมนตรีที่แข็งแกร่งมั่นคงเหมือนที่เคยได้จากรัฐประหารเมื่อเดือนพฤษภาคม 2557 หรือไม่
หากถามกลุ่มด้ามขวานไทย หากถามกลุ่มอีสานตอนบน หากถามกลุ่มสามมิตร หากถามกลุ่มพลังชล หากถามกลุ่มพะเยา คำตอบไม่น่าจะเป็นเช่นนั้น
เมื่อเกิดกรณี”สุริยะ อนุชา”ได้ เชื่อเลยว่าจะเกิดกรณีอื่นๆตามมาอย่างแน่นอน
ในเมื่อ 30 เสียงของกลุ่มสามมิตรดำรงอยู่บนรากฐานของ 251 เสียงที่ร่วมกันขานชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนารยกรัฐมนตรีเมื่อนำเอา 30 ไปลบออกจาก 251 ก็หวาดเสียวอย่างยิ่ง
คณิตศาสตร์การเมืองทั้งหมดนี้เป็นเรื่องของสภาผู้แทนราษฎร ไม่เกี่ยวกับวุฒิสภา
อภินิหารจากกกต.ก็ยากยิ่งที่จะสามารถช่วยได้อีก