ว่าด้วยการพิจารณาคดีอดีตผู้นำเขมรแดง รหัส “TCW1042” สู่โลกใหม่ในมือเนียง

ไม่ว่าผลคดีจะเป็นอย่างไร แต่ฉันไม่เคยตัดใจในการติดตามการพิจารณาคดีอดีตผู้นำเขมรแดง ที่ศาลอาญาระหว่างกรุงพนมเปญสักครั้ง โดยเฉพาะที่ห้องว่าความทรงรีรูปไข่ สถานที่ที่รวมไว้ด้วยกลุ่มคนหลากหลายทุกสถานะ

AFP PHOTO / ECCC”

โดยเฉพาะในกลุ่มสตรีหญิงม่าย ที่ต้องสูญเสียครอบครัว สามี ลูกๆ ทั้งแบบที่พวกเขาต้องสูญเสียอิสรภาพ การถูกกักขัง การสังหารและโรคภัยที่พรากชีวิตบุคคลอันเป็นที่รักไปก่อนเวลาอันควร

แต่พลันเมื่อพวกเธอได้ปรากฏตัวในห้องศาล สภาวะของการตกเป็นเหยื่อความโหดร้ายจากการถูกกระทำโดยผู้ปกครองบ้านเมืองก็หวนกลับมาหลอกหลอนโลกสรัยอีกครา ราวกับว่าเรื่องดังกล่าวเพิ่งจะเกิดขึ้นเมื่อวานซืนนี้เอง

พยานบางคน บัดนี้อายุของพวกเธอก็ล่วงเลย 65 ปีแล้ว แต่ทุกคนก็พูดเหมือนกับว่า มันเพิ่งจะผ่านไปเมื่อวานนี้ ซึ่งแม้จะผ่านมาแล้ว 40 ปี แต่คราวใดที่ต้องเล่าย้อนไปตอนนั้น พวกเธอก็อดที่จะหลั่งน้ำตาร่ำไห้เสียมิได้

โดยทั่วไป พยานเกือบทุกคนจะมีรหัสที่ขึ้นต้นด้วย “TCW” และส่วนใหญ่เป็นพยานของรัฐประเวณี (ทนายฝ่ายพลเรือน) และสหพระอาญา (พยานของโจทก์) หรืออีกนัยคือฝ่ายอัยการ

ซึ่งทั้งหมดก็คือเหยื่อเคราะห์ร้ายในรัฐบาลกัมพูชาประชาธิปไตยที่มีจำนวนมากมาย และมาปรากฏตนในศาล ซึ่งเมื่อนับจนบัดนี้ ก็ร่วมๆ กว่า 1,000 ปากเข้าไปแล้ว แต่หากเทียบกับที่ศาลแห่งนี้เปิดว่าความมาเกือบจะ 10 ปี

ก็ไม่ถือว่ามากหรอกนะ

นายวิกตอร์ ค็อปเป

มันคือกระจกสะท้อนบานใหญ่พอที่จะฉายภาพการเปลี่ยนแปลงบางอย่างในสังคมกัมพูชา โดยเฉพาะในรอบไม่กี่ปีมานี้ ที่การนำพยาน-ตัวอย่างของสตรีที่สหพระอาญานำตัวมาขึ้นให้การ ซึ่งมีทั้งแบบที่เรียกว่า พยานบุคคล และแบบที่เรียก “ผู้ชำนาญการ”

นอกจากนี้ ยังมีการซักค้านพยานนอกศาล กรณีที่พยานอ่อนล้าเจ็บป่วย ชราภาพจนไม่สามารถมาให้การที่ศาลได้ โดยเจ้าหน้าที่จะติดตั้งเครื่องสนทนาผ่านคอมพิวเตอร์ และเปิดฉากให้ซักค้านกันไปในรูป “เฟซไทม์”

โดยเรื่องการหาพยานบุคคลที่น่าสนใจนี้ มีให้เลือกอย่างครอบคลุม ตั้งแต่สตรีชราในฐานะญาติสหาย อดีตผู้นำในกองทัพปฏิวัติประชาชนที่เสียชีวิตก่อนเขมรแดงเถลิงอำนาจ ก็ยังถูกเชิญมาให้การกับเขาด้วย

ซึ่งว่าไปแล้ว ฉันก็ชอบมาก ที่จะได้รำลึกถึงโฉมของอดีตชนปฏิวัติที่เราจะไม่มีวันได้รู้จักพวกเขาเลยหากว่าญาติของเขาจะไม่ปรากฏตัวขึ้นศาล และพลันความรู้สึกถึงบทบาทบุคคลผู้นั้นในอดีตก็พลิกโฉมเข้า

หากญาติของเขาตะหาก ที่สารภาพต่อศาลว่า ความทรงจำของเธอกับญาตินั้นช่างเลือนรางเต็มที

นี่แหละ สิ่งที่ฉันจะบอกว่า มันคืออรรถรสพิเศษของศาลเขมรแดง ที่แม้แต่ทนายจำเลยยังตกตะลึงต่อพยานบางปากที่ถูกนำมาซักค้านเพื่อกล่าวหาลูกความของตน

ทั้งนี้ก็เพื่อที่จะหาทางหน่วงเวลา-ยืดออกไป อย่างน้อยก็จากกว่า “กึ่ง” ทศวรรษหน้า!

หรือจนกว่าจำเลยจะถึงปรโลก

 

ข้าแต่ศาลเขมรแดงที่เคารพ ต้องขอยกเครดิตให้แก่ นายวิกตอร์ ค็อปเป (และคณะของเขา) ทนายความชาวเนเธอร์แลนด์ที่ว่าความให้ นวน เจีย ในคดี 002

บุคคลที่น่าจดจำ ในฐานะที่ตลอดท่วงทำนองเกือบ 10 ปีมานี้ เขาได้ทำให้รายละเอียดของประวัติศาสตร์ยุคเขมรแดง ซึ่งมีระดับความน่าสนใจมากขึ้นจากการซักค้านในศาลของเขา

แม้ว่าในศาลอาญาแห่งนี้ จะมีลักษณะหลายอย่างที่เป็นเรื่องของการเมือง ดังที่ฉันเห็นว่า คนที่น่าจะเปลี่ยนแปลงออกไปเป็นคนแรก คือท่านเจ้ากรมฯ นิล นล คนนี้ล่ะ!

คนที่คอยเบรกจังหวะซักพยานของฝ่ายจำเลยไปเสียทุกคราวที่เห็นว่าทนายค็อปเปกำลังมีสำนวนที่เข้าข่าย 1) เกี่ยวข้องใดๆ กับอดีตเขมรแดงซึ่งเป็นนักการเมืองเขมรในรัฐบาล 2) เกี่ยวข้องกับนโยบาย 5 ก. 3) เกี่ยวกับเอกสารที่บกพร่องของฝ่ายอัยการและรัฐประเวณี และ 4) ชี้นำพยานและบางครั้งก็มีคำสั่งไม่ให้ตอบสำนวนคำถาม และอื่นๆ

ไม่เท่านั้น บางครั้งท่านประธานเจ้ากรมฯ ยังคอยโยนหินถามทางให้ทนายโจทก์ลุกขึ้นมาค้านทนายจำเลย

แบบนี้ท่านประธานศาลก็ทำอย่างครบเกินหน้าที่เสียด้วย

ด้วยเหตุนี้ สตรีพยานบางปากที่ไม่รู้อีโหน่อีเหน่จึงคร่ำครวญ ร่ำไห้ กระซิกร่ำไรเพื่อขอความเห็นใจจากท่านเจ้ากรมฯ ที่ฟังดูแล้วไม่ต่างจากยุคพระราชอาญา-สมบูรณาญาสิทธิราชย์

ท่านเจ้ากรมฯ นิล นล ก็ดีมาก ท่านไม่ปรามเรื่องแบบนี้กับพยานปากนั้น

แต่ท่านจะปรามก็แต่ทนายฝ่ายจำเลยเท่านั้น

เห็นอย่างนี้ อิฉันก็นึกอยากเป็น CTWxxx กับเขาบ้าง อยากจะเรียนท่านเจ้ากรมฯ ที่เคารพ

“อิฉันขอประธานว่า เพื่อประโยชน์ต่อมนุษยชาติและผู้ประวัติศาสตร์กัมพูชาในอนาคต ขอประธานโปรดเมตตา…ทราบว่า นี่คือคดีเขมรแดงนะคะ ไม่ใช่รายการทีวี-คดีสีชมพู”

ท่านรู้จักมั้ยละคะ

ฮิน สุเทียนี

แต่ในที่สุดก็มีวันนี้ วันที่ 9 มกราคม 2560 ที่สหพระอาญาส่งพยานปากนี้มาที่ศาล

เธอมีรหัสว่า-TCW1042 อายุ 33 ปี สถานภาพ-สมรส และมีนามจริงว่า ฮิน สุเทียนี (Hin Sotheany) อดีตผู้ช่วยวิจัยฝ่ายอัยการต่างประเทศ แผนกจัดทำเอกสาร ว่าด้วยนักโทษเขมรแดงที่มีมากมายในจำนวนหนึ่งหมื่นหกพันรายชื่อ ซึ่งเธอได้ใช้เวลาอยู่ 24 เดือน

ไม่แปลกเลยที่ ฮีน สุเทียนี จะนั่งในคอกพยานด้วยท่าทีที่มั่นใจ

ก่อนหน้านั้นไปอีกหลายปี ฮิน สุเทียนี เคยทำงานให้แผนกเอกสารของ DC-Cam (Documentation Center of Cambodia) ศูนย์เอกสารหลัก ที่ป้อนข้อมูลดิบให้ศาลคดีเขมรแดงแผนกต่างๆ มาตั้งแต่คดีแรกจนถึงคดีสุดท้าย/004

และเป็นสถาบันแรกๆ ที่เปิดโอกาสให้หนุ่มสาวรุ่นใหม่ ได้ฝึกฝนทำงานด้านการจัดเก็บข้อมูลและการวิจัย อาจกล่าวได้ว่า กรณีเขมรแดงได้มีส่วนผลักดันให้เกิดการสร้างบุคลากรในรูปการศึกษานอกระบบมาเกือบจะ 2 ทศวรรษแล้ว

ดังนี้ เมื่อ ฮิน สุเทียนี ขึ้นให้การที่ศาลเขมรแดงนั้น เธอคือ 1 ในพยานสตรีปากแรกๆ ที่เกิดหลังสมัยเขมรแดง (ค.ศ.1984) และยังมีอาชีพที่แตกต่างจากสังคมเขมร (อย่างน้อยก็เมื่อ 20 ปีก่อน) นั่นคืออาชีพนักวิจัย

อาชีพที่เกือบจะถูกจำกัดไว้ในหมู่ชาติตะวันตกมาร่วม 150 ปีตั้งแต่ยุคอาณานิคมก็ว่าได้

โดยเฉพาะเรื่องเขมรแดงแล้ว ก็มีแต่กลุ่มนักประวัติศาสตร์จำนวนไม่มากของตะวันตกที่บุกเบิกผลงานไว้เมื่อ 4 ทศวรรษก่อน

เช่นเดียวกับ ฮิน สุเทียนี ที่อาจจะเป็นผู้หญิงเขมรกลุ่มแรกๆ ที่ทำงานวิจัยด้านนี้ โดยขณะที่ให้การที่ศาลนั้น เธอถูกซักค้านโดยทนายความวิกเตอร์ ค็อปเป ผู้คร่ำหวอดและว่าความให้ นวน เจีย

ทนายความจอมหักล้างข้อมูลท่านนี้ ช่วยเผยให้เราเรียนรู้ถึงวิธีทำงานที่ละเอียดลึกซึ้งถึงการตรวจสอบข้อมูลเพื่อนำมาตีความ เพื่อชำแหละช่องโหว่ในการทำงานของฝ่ายอัยการอย่างถึงที่สุด

แรกเลย ค็อปเปชี้ให้เห็นว่า สหอัยการ-อดีตนายจ้างของสุเทียนี เป็นชาวต่างชาติที่ไม่สนใจภาษาเขมร ซึ่งเป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้เขาอาจจะ (ไม่มีวัน) เข้าถึงหลักฐานต้นฉบับเดิมซึ่งเป็นหลักฐานชั้นต้นและมีความสำคัญต่อผลประมวลค่าอันถูกต้อง

โดยเฉพาะสำเนาที่นำมาจากสำนักงานพิพิธภัณฑ์เอส-21 และดีซี-แคมนั้น ใช่ว่าจะไม่ซ้ำซ้อนและถูกต้องมาแต่แรก โดยเฉพาะนักโทษในกลุ่มจองจำ, กลุ่มเจ็บป่วยเสียชีวิตและกลุ่มที่นำไปสังหาร

ซึ่งทนายจำเลยก็สามารถที่จะทำให้ ฮีน สุเทียนี ยอมรับกลายๆ ว่า ตัวเลขระหว่างนักโทษที่เสียชีวิตจากเจ็บป่วย อาจจะซ้อนกับตัวเลขนักโทษที่ถูกนำไปสังหารบ้าง

เป็นเหตุให้ประธานผู้พิพากษา นิล นล ถึงกับตัดความเสียแต่กลางครัน แถมยังสั่งให้พยาน-TCW1042 ว่า เธอไม่จำเป็นต้องตอบคำถามนั้น!

เป็นคำแนะนำที่ฟังดูคล้ายจะเป็นคำสั่ง

แต่ ฮิน สุเทียนี ปฏิเสธและยืนกรานที่จะตอบคำถาม ในประเด็นคือเธอเองก็ต้องการที่จะตรวจสอบไปพร้อมกับการไต่สวน

และด้วยประโยคนั้นเอง ที่ทำให้เราตระหนักว่า กัมพูชากำลังจะเปลี่ยนโฉมหน้า ไม่ว่าเม็ดที่หว่านไปกับการอุดหนุนภาคสตรีรุ่นใหม่ให้ขึ้นมาถ่วงดุลระบบเก่าที่เต็มไปด้วยการคอร์รัปชั่น

และไม่ว่าเธอสรัยผู้นั้นจะชื่อ ฮิน สุเทียนี หรือไม่

แต่มุมเล็กๆ ในสังคมกัมพูชากำลังจะผลัดใบ