ประวัติศาสตร์“ปกปิด”3จังหวัดชายแดนใต้ รัฐปัตตานีใน“ศรีวิชัย”เก่าแก่กว่า“รัฐสุโขทัย”

ยะลา-ปัตตานี คือบริเวณที่มีหลักฐานประวัติศาสตร์โบราณคดีเก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งของคาบสมุทรแหลมทอง ทางภาคใต้ของประเทศไทย มีอายุหลายพันปีมาแล้ว

ความเก่าแก่ของบริเวณลุ่มน้ำปัตตานีเขตยะลา-ปัตตานี เทียบเท่าความเก่าแก่ของบริเวณลุ่มน้ำแม่กลอง-ท่าจีน ทางภาคกลาง เขตนครปฐม-สุพรรณบุรี-กาญจนบุรี หลักฐานทางศิลปะสถาปัตยกรรม ซึ่งนักโบราณคดีขุดพบที่ชุมชนโบราณยะรัง (ปัตตานี) ชี้ให้เห็นว่ารับแบบแผนฮินดู-พุทธจากชมพูทวีป (อินเดีย) อย่างเดียวกัน และร่วมยุคร่วมสมัยกัน

สิ่งเหล่านี้เป็นพยานยืนยันว่าเขตลุ่มน้ำปัตตานีของยะลา-ปัตตานี-นราธิวาส เป็นบ้านเมืองมาก่อน และเป็น “รัฐ” เอกเทศในเครือข่ายของ “ศรีวิชัย” ที่มีประวัติศาสตร์ เก่าแก่กว่ารัฐสุโขทัย

แต่ประวัติศาสตร์ “ชาติ” ไทย ไม่ยอมรับรู้หลักฐานที่เป็นพยานความมีตัวตนแท้จริงของรัฐปัตตานี ซึ่งมีความเป็นมาอย่างเอกเทศและยาวนานดังกล่าว ซ้ำมิหนำยังดูถูกดูแคลนแสนสาหัสว่าเป็นพวก “แขก” แปลกหน้าเป็นผู้อาศัย แล้วปลุกปั่นกลั่นแกล้งก่อให้เกิดวิวาทบาดหมางอย่างรุนแรงสืบเนื่องยาวนานมากนับร้อยๆ ปีมาแล้ว

AFP PHOTO / Jimin LAI / AFP PHOTO / JIMIN LAI

ผลของการดูหมิ่นถิ่นแคลน ก็เกิดปฏิกิริยาตอบโต้เป็นระยะๆ ล่าสุดมีปัญหาขึ้นเมื่อปลายปี พ.ศ.2546 ต่อเนื่องถึงต้นปี พ.ศ.2547 จนปัจจุบัน มีผู้พยายามเรียกร้องให้ลดความรุนแรงลงหลายกลุ่มหลายเหล่า แต่ความรุนแรงถึงชีวิตยังไม่ลดละ มีแต่จะร้าวฉานบานปลายขยายวงกว้างขึ้น เพราะความไม่เข้าใจประวัติศาสตร์สังคมและวัฒนธรรม ซึ่งบอกความเป็นมาอย่างมีหลักฐาน ไม่ใช่สร้างจินตนาการของลักษณะ “ล้าหลัง-คลั่งชาติ”

ประวัติศาสตร์บาดหมางที่ล้าหลัง-คลั่งชาติ เป็นดั่ง “จอมบงการ” อยู่ในสมองของผู้มีอำนาจสั่งการทั้งปวงในประเทศไทย ส่งผลให้เกิดความล้าหลังทางวิธีคิดทางเศรษฐกิจ-การเมือง ทั้งในประเทศและระหว่างประเทศ เพราะผู้มีอำนาจเหล่านั้นเสกสรรปั้นแต่งประวัติศาสตร์ขึ้นเองบนพื้นฐานของความเท็จ ดังเห็นและได้ยินทางสื่อมวลชนทั่วไป

สื่อมวลชนไทยก็ตกอยู่ในอำนาจของ “จอมบงการ” อย่างไม่รู้ตัวเอง เพราะขาดการศึกษาหาความรู้เพิ่มเติมอย่างเป็นระบบ แถมยังถูกทำให้เชื่องๆ เซื่องๆ อย่างง่ายดาย กลายเป็นเครื่องมือของประวัติศาสตร์บาดหมางไปด้วย จึงน่าเสียดายมาก

AFP PHOTO / JIMIN LAI

รัฐปัตตานีใน “ศรีวิชัย”
เก่าแก่กว่ารัฐสุโขทัยในประวัติศาสตร์

ด้วยเหตุของลัทธิชาตินิยมสุดขั้ว ทำให้เกิด ประวัติศาสตร์ “ชาติ” ไทย ฉบับล้าหลัง-คลั่งชาติ หรือ “ประวัติศาสตร์ฉบับดูแคลน” ผมเลยต้องทำหนังสือเล่มนี้ขึ้นมาให้ชื่อว่า รัฐปัตตานีใน “ศรีวิชัย” เพื่อเปิดเผยประวัติศาสตร์ที่ “ปกปิด” ของ ๓ จังหวัดชายแดนภาคใต้

เนื้อหาสาระสำคัญอยู่ที่ประวัติศาสตร์โบราณคดีที่มีพยานหลักฐานอยู่บริเวณ ๓-๔ จังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่มีปัตตานีเป็นแกนกลาง ทั้งหมดล้วนได้จากงานค้นคว้าและวิจัยอย่างเป็นระบบครบระเบียบทางวิชาการของบรรดานักวิชาการในสถาบันต่างๆ คือ

รองศาสตราจารย์ ศรีศักร วัลลิโภดม อดีตอาจารย์ประจำภาควิชามานุษยวิทยา คณะโบราณคดี มหาวิทยาลัยศิลปากร, รองศาสตราจารย์ ประพนธ์ เรืองณรงค์ อาจารย์พิเศษประจำภาควิชาภาษาไทยและภาษาตะวันออก คณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง, รองศาสตราจารย์ รัตติยา สาและ แห่งภาควิชาภาษาไทย คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยทักษิณ สงขลา, ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.รัศมี ชูทรงเดช และผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.สว่าง เลิศฤทธิ์ แห่งภาควิชาโบราณคดี คณะโบราณคดี มหาวิทยาลัยศิลปากร

รวมทั้งงานค้นคว้าสำคัญของอาจารย์อนันต์ วัฒนานิกร ปราชญ์ท้องถิ่นภาคใต้ ที่บุกเบิกความรู้ท้องถิ่นของปัตตานีอย่างมีคุณค่ามหาศาล

ขอบพระคุณศาสตราจารย์ ธงชัย วินิจจะกูล อาจารย์ประจำมหาวิทยาลัยวิสคอนซิน สหรัฐอเมริกา ที่กรุณาตรวจแก้และอนุญาตให้นำบทความวิชาการ เรื่องเล่าจากชายแดน มาพิมพ์เป็นบทนำเกียรติยศของเล่มนี้

นอกจากนั้นแล้ว ยังได้ความร่วมมือจากนางสาวแพร ศิริศักดิ์ดำเกิง และนางสาวอรวรรณ ทับสกุล มหาบัณฑิตแห่งภาควิชามานุษยวิทยา คณะโบราณคดี มหาวิทยาลัยศิลปากร ที่ช่วยให้หนังสือเล่มนี้สำเร็จ

AFP PHOTO / PORNCHAI KITTIWONGSAKUL

ขอยืนยันว่า รัฐปัตตานีใน “ศรีวิชัย” มีความเก่าแก่กว่า “รัฐสุโขทัย” และไม่เคยอยู่ในอำนาจของสุโขทัยตามที่ประวัติศาสตร์ไทยนั่งเทียนเขียนขึ้นเองโดยปราศจากการตรวจสอบและประเมินค่าของหลักฐาน

หากท่านใดมีความเห็นแย้ง กรุณายืนยันพร้อมพยานหลักฐาน ขออย่ายัดเยียดอย่าง “นิยาย” ล้าหลัง-คลั่งชาติ ที่เสกสรรปั้นแต่งขึ้นมาอย่างระเริงใจ