ปรากฏการณ์ “จันทร์โอชา” บิ๊กติ๊ก-แม่ผ่องพรรณ สะเทือน กห. สะเทือน บิ๊กตู่

วิบากกรรมที่เกิดกับ บิ๊กติ๊ก พล.อ.ปรีชา จันทร์โอชา ทั้งเรื่อง “ฝายแม่ผ่องพรรณ” จนมาถึงการตั้งบริษัทของลูกชาย รับงานก่อสร้างของกองทัพภาคที่ 3 แถมใช้บ้านในค่ายทหารจดทะเบียนตั้งบริษัท

กำลังถูกฝ่ายกองเชียร์บิ๊กตู่ มองว่า เป็นเรื่องการเมือง เพราะนามสกุล จันทร์โอชา และเป็นฝีมือของทหารแตงโม และพวกผิดหวังจากการแต่งตั้งโยกย้ายทหารล่าสุด

รวมถึงปัญหาภายในสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม โดยเฉพาะในสมาคมภริยาฯ ที่มีคนไม่พอใจ ในความดุ เข้มงวด เจ้าระเบียบ ของมาดามอู๊ด นางผ่องพรรณ จันทร์โอชา ภริยาบิ๊กติ๊ก นายกสมาคม

จนมีการตรวจสอบเป็นการภายใน เพราะ “คนใน” มีส่วนรู้เห็นกับภาพและข้อมูลต่างๆ ที่หลุดออกมาในโซเชียลมีเดีย เพราะแม้ส่วนใหญ่จะเป็นภาพเปิดเผย ภาพในเพจของสมาคมภริยาฯ ก็ตาม แต่ภาพที่เป็นส่วนตัวก็มีไม่น้อย

จนทำให้นายทหารระดับ นายพล บางคน ทั้งหน้าบ้าน และหลังบ้าน ถูกเพ่งเล็ง

pct_7478

แม้ พล.อ.ปรีชา และนางผ่องพรรณ จะชี้แจงว่า ชื่อฝายแม่ผ่องพรรณ นั้น ชาวบ้านจะตั้งให้เป็นที่ระลึก และจำง่าย และใช้เงินสมาคมภริยาฯ 7,800 บาท ในการซื้อหิน โดยทางหน่วยงานของกลาโหม ได้ออกไปก่อนก็ตาม

แต่ปัญหาใหญ่มาอยู่ที่ ลูกชายคนโต ตั้งบริษัท โดยใช้ที่อยู่ในค่ายทหาร แถมมีการขุดคุ้ยกันต่อ เรื่องการประมูลงานกองทัพภาคที่ 3 และการชนะบริษัทคู่แข่ง แค่หลักพันบาท

แม้ พล.อ.ปรีชา จะยืนยันว่า ไม่เคยรู้เรื่องนี้ เพราะไม่เคยยุ่งเกี่ยวเรื่องบริษัท หรือการประมูลงานใดๆ

แต่ในความเป็นจริง แค่นามสกุล จันทร์โอชา ก็ทำให้ทุกอย่างสะดวกโยธิน แม้จะเป็นการประมูลงานระบบอิเล็กทรอนิกส์ หรือ E bidding ก็ตาม

เรื่องนี้หนักหนาสาหัส ถึงขั้นที่ บิ๊กป้อม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม มองว่า อาจไม่เหมาะสม เพราะไม่สามารถตั้งบริษัทในค่ายทหารได้

แต่ก็ออกตัวช่วยว่า “ลูกชายบิ๊กติ๊ก” อาจตั้งแค่ชั่วคราว เพราะชื่ออยู่ทะเบียนบ้านในค่าย แต่บริษัทอยู่ข้างนอก

แต่ก็ให้กองทัพภาคที่ 3 สอบสวนกรณีกองทัพภาคที่ 3 จ้างงานบริษัทลูกชายบิ๊กติ๊ก ไม่ห่วงฮั้วประมูล แม้ราคาเสนอต่างพันกว่าบาท เพราะเป็น E Bidding

และหนักหนาเอาการ จนทำให้ พล.อ.ประยุทธ์ เตือน พล.อ.ปรีชา ให้เงียบ ไม่ต้องพูดออกสื่อ และเตรียมเอกสารข้อมูลไว้ชี้แจง

แต่ที่สุด นายกฯ ก็ต้องไฟเขียวให้กระทรวงกลาโหม และกองทัพภาคที่ 3 ตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง เรื่องการประมูลงาน

และขอให้สังคมแยกแยะว่า ถึงจะเป็นน้อง แต่ก็เป็นคนละคนกัน อย่าเอาแต่ความรู้สึก

“เขาสอบหมด บริษัทบ้าบอคอแตกอะไรนั่น อยากจะสอบอะไรก็สอบไปเถอะไป จะสอบครัวสอบส้วมก็สอบไป จะมาโยงกับผมทำไม เขาก็รับผิดชอบของเขาเองสิ ไม่ใช่เออ ไอ้ห่า ตระกูลผมเสียหาย มันคนละเรื่อง คนละคน

แต่ถามว่าผมรักน้องไหม ผมก็รัก แต่ผมก็ทำอะไรไม่ได้ ผมช่วยเขาไม่ได้ และผมก็มาตะแบง ชี้แจงส่งเดชไม่ได้ เป็นเรื่องของกลไกก็รับไป”

ที่สำคัญคือ นายกฯ ย้ำว่า ยังไม่ได้ทำความผิด เพียงแต่บางอย่างอาจจะไม่สมควร

พร้อมออกตัวว่า ไม่รู้ว่าเขามีบริษัท ตั้งมาหลายปีแล้ว หลานก็โตแล้ว ไม่เจอหน้ามากี่ปีแล้ว ผมเป็นคนไม่ค่อยเจอครอบครัว เพราะทุ่มเวลาให้กับงานมาตลอด และรู้สึกเสียใจที่ไม่ได้อยู่กับครอบครัว พ่อแม่พี่น้อง

แต่ก็ออกแนวไม่พอใจ คนที่เคลื่อนไหวให้ตรวจสอบน้องชาย น้องสะใภ้ และหลานชาย ถึงขั้นเตือนว่า จะตรวจสอบกลับบ้าง

 

ท่าทีของ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นการสะท้อนระดับของความซีเรียสของปัญหานี้ เพราะจะอุ้มน้องชาย จะปกป้อง ก็ไม่ได้ เพราะกระแสสังคมขานรับ

ถึงขั้นที่กองเชียร์บิ๊กตู่ หันมาตำหนิครอบครัวนี้ ที่ทำให้นายกฯ เดือดร้อน เพราะฝ่ายตรงข้ามกำลังจี้ประเด็น ว่าแต่เขา อิเหนาเป็นเอง

คสช. และรัฐบาลบิ๊กตู่ ปราบโกง แต่กลับมีเรื่องเหล่านี้เกิดขึ้น

เพราะแม้เรื่องเหล่านี้จะถูกเปิดประเด็น โดยฝ่ายต่อต้าน คสช. แต่ทว่า คนส่วนใหญ่ในสังคม ต่างก็เห็นว่า ไม่เหมาะสม ทั้งเรื่องคุณนายอู๊ด และบริษัทของลูกชาย

อีกทั้งมีการจับประเด็นการใช้เครื่องบิน C-130 ส่งคณะของคุณนายอู๊ด ไปเปิดฝายที่เชียงใหม่

แต่กองทัพอากาศก็ยืนยันว่า ทางปลัดกลาโหม ทำหนังสือขอสนับสนุน C-130 มา แต่ไม่ได้ระบุว่าจัดให้สมาคมภริยาฯ ดังนั้น ตามระเบียบแล้ว ทอ. สามารถสนับสนุนเครื่องบินให้ส่วนราชการได้ และนักบินก็ต้องบินฝึกอยู่แล้ว

ตอนนี้ บรรยากาศในกลาโหม กลับมาเคร่งเครียดอีกครั้ง เหมือนเมื่อครั้งที่เอกสารการบรรจุลูกชายคนเล็กของ พล.อ.ปรีชา เป็นทหารกองทัพภาคที่ 3 หลุดออกมา

แต่จนบัดนี้ ก็ยังจับมือฉกเอกสารลับไปปล่อยไม่ได้

จนต้องมามีปฏิบัติการไล่ล่า ตามหาเกลือเป็นหนอนในกลาโหม ที่ปล่อยภาพส่วนตั๊วส่วนตัวของคุณนายอู๊ด รวมทั้งภาพ พล.อ.ปรีชา กับลูกชายที่เป็นทหาร

งานนี้ นายทหารในกลาโหม ที่เป็นทหารแตงโม ที่เคยใกล้ชิดกับอดีต รมว.กลาโหม หรืออดีตปลัดกลาโหม สมัยรัฐบาลพรรคเพื่อไทย จนทำให้เกิดความหวาดระแวงกันไปทั่ว

บ้างก็ระบุว่า ปรากฏการณ์ จันทร์โอชา ครั้งนี้ เกิดขึ้นเพราะมีการตีกันไม่ให้ พล.อ.ปรีชา ได้เป็นรัฐมนตรีร่วม ครม.

แต่ พล.อ.ปรีชา นั้นเชื่อว่า ตนเองไม่เคยมาตั้งความหวังที่จะเป็น รมต. เลย เพราะรู้ใจพี่ชายดี

ที่สำคัญ รู้ดีว่า ตนเองเป็นตำบลกระสุนตก จะกลายเป็นเป้าโจมตี ที่กระทบชิ่งไปถึง พล.อ.ประยุทธ์ พี่ชาย ที่กำลังมีคะแนนนิยมสูงขึ้น หลังร่างรัฐธรรมนูญผ่านประชามติ

“ก็เพราะนามสกุลนี่แหละ จนบางทีก็คิดว่า เปลี่ยนนามสกุล หรือถ้าไม่ได้นามสกุล จันทร์โอชา เราจะโดนแบบนี้มั้ย”

นั่นจึงทำให้ พล.อ.ปรีชา ตั้งใจว่า จะใช้ชีวิตเงียบๆ หลังเกษียณ ในการเป็นคุณปู่ติ๊ก เลี้ยงหลาน และทำหน้าที่คนสวน คอยตัดหญ้าที่บ้าน ไม่คิดว่าจะเล่นการเมืองใดๆ

590912-51-22

แต่ทว่า มีการจับตาอนาคตของ ณนายอู๊ด ผ่องพรรณ ว่า จะเล่นการเมืองหรือไม่ เพราะเป็นคนเหนือ และทำงานในภาคเหนือมาตลอด และลงพื้นที่พบปะประชาชน นำโครงการต่างๆ ไปช่วยชาวบ้านมาตลอด

แม้แต่การสร้างฝายแม่ผ่องพรรณ นั้น คุณนายอู๊ด ก็ไปสร้างตามการร้องขอของชาวบ้าน จึงขอให้หน่วยทหารของสำนักปลัดกลาโหม ในพื้นที่มาช่วยสร้าง และนำโครงการปลูกต้นไม้เฉลิมพระเกียรติ และนำผ้าห่มมาแจกขาวบ้านในภาคเหนือเสมอๆ เพราะอากาศหนาว

“ดิฉันชอบไปเดินตลาด เวลาไปก็นุ่งขาสั้น แต่งตัวธรรมดาๆ ไม่มีคนติดตาม มีแต่พลขับ ขากลับของเต็มมือ เพราะมือหนึ่งถือของที่เราซื้อ ส่วนอีกมือหนึ่งก็ถือของที่ชาวบ้านมามอบให้ เพราะเขารักเรา” คุณนายอู๊ด เคยเล่าไว้

แต่สิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้ ทั้ง พล.อ.ปรีชา และภริยา ก็คิดเหมือนกันว่า เป็นแผนสกัดดาวรุ่ง นั่นเอง

รวมทั้งต้องการดิสเครดิต พล.อ.ประยุทธ์ ที่ใครๆ ก็เชื่อว่า จะเป็นนายกรัฐมนตรีคนนอก ในอนาคต ด้วยนั่นเอง
หากมองย้อนกลับไปถึงการโยกย้ายในกลาโหม ที่เชื่อกันว่าเป็นสาเหตุหนึ่งของความไม่พอใจต่อบิ๊กติ๊ก และคุณนายอู๊ด แล้ว ก็ไม่ได้มีอะไรที่เป็นปัญหา

เพราะตำแหน่งปลัดกลาโหม ก็มีชื่อ บิ๊กชัาง พล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล รองปลัดกลาโหม เป็นเต็งหนึ่งเดียวมาตั้งแต่ต้น

แต่มีระดับ รองปลัดกลาโหม และเจ้ากรมบางกรม ผบ.หน่วยบางหน่วย ที่มีการแข่งขันกันสูง และมีบางคนตั้งความหวังกับบิ๊กติ๊ก และคุณนายอู๊ด ไว้ แล้วผิดหวัง

เรียกได้ว่า วงในแล้ว พอจะรู้ว่า ใครเป็นใคร ใครน่าสงสัย

img_8176
พล.อ.อ.จอม รุ่งสว่าง

ข้ามฟากมาที่ทุ่งดอนเมือง ก็มีผลพวงจากการโยกย้ายทหาร เพราะกว่าที่ บิ๊กจอม พล.อ.อ.จอม รุ่งสว่าง ขึ้นมาเป็น ผบ.ทอ. ได้ ก็มีเรื่องเล่าที่ต้องบันทึก

เพราะงานนี้ พล.อ.ประวิตร เรียก บิ๊กตู่ พล.อ.อ.ตรีทศ สนแจ้ง ผบ.ทอ. มาคุย เพราะต้องการให้ บิ๊กโป่ง พล.อ.อ.ศิวเกียรติ ชเยมะ รองปลัดกลาโหม มาเป็น ผบ.ทอ. ก่อน 1 ปี เพราะเกษียณกันยายน 2560 แล้วค่อยให้ พล.อ.อ.จอม ขึ้นต่อ

แต่ พล.อ.อ.ตรีทศ ยืนยันว่า พล.อ.อ.จอม เป็นคนที่เหมาะสมที่สุดในทุกด้าน แม้ว่าจะจบนายร้อยญี่ปุ่น ไม่เคยเป็น ผบ.กองบิน โตมาในฝ่ายอำนวยการ ตลอดก็ตาม

แต่ พล.อ.ประวิตร ก็ยังไม่ยอม จนมีการคุยกับ พล.อ.อ.ตรีทศ หลายครั้ง โดยแย้งว่า จะทำให้นักเรียนนอก เป็น ผบ.ทอ. ติดต่อกัน เพราะ พล.อ.อ.ตรีทศ ก็จบเยอรมนี

จนที่สุด มีรายงานว่า พล.อ.ประยุทธ์ ต้องลงมาตัดสินเรื่องนี้ ด้วยการคุยกับ พล.อ.อ.ตรีทศ จากนั้นก็มาคุยกับ พล.อ.ประวิตร จนที่สุด ก็ยอมให้ พล.อ.อ.จอม เป็น ผบ.ทอ. เลย แม้จะเกษียณกันยายน 2561 ก็ตาม

 

ขณะที่ พล.อ.อ.จอม ก็ยืนยันว่า ความเป็นเพื่อน ตท.16 กับ พล.อ.อ.ศิวเกียรติ ยังคงเหมือนเดิม

ด้วยความที่เป็นคนเรียบง่าย สบายๆ ออกแนวเป็นคนร่าเริง อารมณ์ดี หรือเรียกว่า สายบุ๋น และมีความมั่นใจในตัวเองสูง

“ผมเป็นคนสบายๆ ให้ทุกอย่างเป็นไปตามธรรมชาติ” บิ๊กจอม เปรย

ท่ามกลางการจับตามองถึง ผบ.ทอ. คนต่อจากนี้ ที่จะเป็นคิวของ ตท.18 ที่ตอนนี้มี บิ๊กต่าย พล.อ.อ.ชัยพฤกษ์ ดิษยะศริน ที่ขึ้นมาเป็น ผช.ผบ.ทอ. เป็นเต็งหนึ่ง และมีอายุราชการถึงปี 2562

โดยมี บิ๊กโหน่ง พล.อ.อ.ชาญฤทธิ์ พลิกานนท์ ที่ข้ามจาก ผบ.อย. ไปเป็น รอง เสธ.ทหาร ที่ บก.กองทัพไทย ก็มีสิทธิ์ที่จะกลับมาชิงเก้าอี้ ผบ.ทอ. ได้

แต่ก็ต้องจับตามองว่า โยกย้ายปลายปีหน้า พล.อ.อ.จอม จะดันใครที่เกษียณ 2563 ขึ้นมาเป็นม้ามืดหรือไม่

แต่อย่างน้อย ก็ไม่ทำให้ ทุ่งดอนเมือง เกิดความขัดแย้งใดๆ ขึ้นมาอีก

แต่ผลพวงที่เหลืออยู่ คือ บารมีของ พล.อ.ประวิตร ที่ครั้งนี้ นอกจากตั้ง บิ๊กแกละ พล.อ.พิสิทธิ์ สิทธิสาร เป็น ผบ.ทบ. ไม่ได้ และตั้ง บิ๊กตู่ พล.ท.กู้เกียรติ ศรีนาคา เป็นแม่ทัพภาคที่ 1 ไม่ได้แล้ว

ยังไม่อาจตั้ง ผบ.ทอ. ได้อีกด้วย เพราะนายกฯ บิ๊กตู่ มาช่วยพิจารณาความเหมาะสมอีกแรง จนกลายเป็นที่ชื่นชมของ ผบ.เหล่าทัพ และนายทหารในกองทัพ

จากนี้ไป ความสัมพันธ์ พี่ป้อม กับ น้องตู่ ก็ยังถูกจับตาเขม็ง ท่ามกลางมรสุมที่ถาโถมใส่ จันทร์โอชา