นงนุช สิงหเดชะ : จากผู้ว่าฯ โคราช ถึง “น้องสะใภ้” บิ๊กตู่ “จุดแข็ง-จุดอ่อน” รัฐบาลประยุทธ์

ในสัปดาห์เดียวกันของเดือนกันยายน ดูเหมือนจะเกิด 2 ข่าว 2 ภาพที่เกี่ยวเนื่องกับนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี แต่เป็น 2 ภาพที่ตรงข้ามกัน

คนหนึ่งสนองนโยบาย พล.อ.ประยุทธ์เป๊ะ น่าชื่นใจ

แต่อีกคนหนึ่ง ภาพที่ว่อนออกมาทางโลกโซเชียลดูเหมือนสวนทางนโยบายนายกรัฐมนตรี

ข่าวแรก วันที่ 9 กันยายน นายวิเชียร จันทรโณทัย ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา ส่งหนังสือถึงนายอำเภอ หน่วยงานราชการ และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ทั้ง 32 อำเภอ แจ้งให้ทราบแนวปฏิบัติ เมื่อผู้ว่าฯ นครราชสีมา เดินทางไปปฏิบัติภารกิจในพื้นที่ต่างๆ คำสั่งนั้นมี 9 ข้อ เน้นว่าไม่ต้องจัดพิธีต้อนรับอย่างอลังการ ขอให้ต้อนรับแบบคนธรรมดา เน้นความประหยัด เรียบง่าย

อาทิ ไม่ต้องจัดรถนำ ไม่ปิดกั้นถนนจนกระทบการสัญจรของประชาชน ไม่ต้องขึ้นป้ายที่มีรูปผู้ว่าฯ ในเส้นทางและบนเวที ไม่จำเป็นต้องตั้งเวทีหรือสร้างเวที ให้ใช้พื้นธรรมดา ไม่ต้องประดับผ้าทั้งบนเวทีและเต็นท์ ไม่จำเป็นต้องมีโพเดียม (แท่นสำหรับยืนพูด) สำหรับผู้ว่าฯ ให้ใช้เพียงไมค์สายหรือไมค์ลอย ไม่เกณฑ์นักเรียน นักศึกษามาตั้งแถวต้อนรับและประชาชนที่มาร่วมงานต้องไม่ตากแดดร้อนเป็นอันขาด ไม่มีการแสดงต้อนรับใดๆ ทั้งสิ้น

กำหนดอีกว่า ไม่ควรให้พิธีกรกล่าวเยินยอผู้ว่าฯ ควรกล่าวเฉพาะนโยบายและการแก้ปัญหาของประชาชน นอกจากนั้น การเลี้ยงอาหาร ควรเรียบง่าย ควรเป็นอาหารจานเดียว เช่น ก๋วยเตี๋ยว ผัดหมี่จะดีที่สุด

คำสั่งนี้ถูกนำไปแชร์ต่อในโลกโซเชียล ได้รับเสียงชื่นชมมากมาย

ถ้ามีผู้ว่าฯ แบบนี้สักครึ่งหนึ่งจากทั้งหมด เชื่อว่าน่าจะเป็นจุดแข็งที่ช่วยเสริมสร้างความศรัทธาให้กับข้าราชการและรัฐบาลโดยรวมได้ ขณะเดียวกันถือว่าผู้ว่าฯ ท่านนี้สนองนโยบาย พล.อ.ประยุทธ์ อย่างครบถ้วน เกี่ยวกับความเรียบง่าย ความประหยัดในการจัดงานต้อนรับเวลานายกฯ ไปตรวจงานหรือปฏิบัติภารกิจในพื้นที่ต่างๆ

 

ผู้ว่าฯ โคราชคือตัวอย่างของข้าราชการที่มีหัวใจรับใช้ประชาชน ติดดิน ไม่ทำตัวเป็นเจ้าขุนมูลนายในระบบอุปถัมภ์ยุคใหม่ (ซึ่งผู้อุปถัมภ์ตัวเอ้ก็คือนักการเมือง ไล่ตั้งแต่คนระดับนายกรัฐมนตรีลงไป)

แต่การที่ผู้ว่าฯ โคราชกล้าออกคำสั่งอย่างนั้น แน่นอนว่าเป็นเพราะผู้นำประเทศคือ พล.อ.ประยุทธ์ กำหนดแนวทางไว้เป็นบรรทัดฐาน เป็นตัวอย่าง เรียกว่ามี “แบ๊กดี” ในการหนุนหลังให้ทำความดี ดังนั้นจึงไม่ต้องกลัวผู้ว่าฯ จังหวัดอื่นจะหมั่นไส้เอา

ที่ผ่านมาระบบอุปถัมภ์ในเมืองไทยไม่เคยหมดไปเพราะส่วนหนึ่งถูกสานต่อโดยนักการเมืองจากการเลือกตั้งเกือบทุกยุคสมัย โดยเฉพาะนักการเมืองที่ชอบอ้างประชาธิปไตยและรักคนจน ยิ่งส่งเสริมให้ระบอบอุปถัมภ์เบ่งบาน

ข้าราชการถูกนักการเมืองบีบบังคับให้เอาใจเรื่องพิธีการต้อนรับ ต้องเลี้ยงดูปูเสื่อ ข้าราชการหลายคนที่เงินเดือนน้อยอยู่แล้วถูกรีดไถให้จัดหาอาหารการกินแพงๆ ดีๆ มาเลี้ยงดูปูเสื่อนักการเมือง เพราะเกรงว่าถ้าไม่เอาใจนักการเมือง

ตัวเองก็จะไม่ก้าวหน้าในหน้าที่ราชการ

 

หลังจากมีข่าวน่าชื่นชมของผู้ว่าฯ โคราชไม่กี่วัน ก็เกิดข่าวตรงข้ามตามมา คราวนี้เป็นเรื่องคนใกล้ตัวนายกรัฐมนตรี ข่าวนั้นเกี่ยวข้องกับ นางผ่องพรรณ จันทร์โอชา ภริยา พล.อ.ปรีชา จันทร์โอชา (น้องชาย พล.อ.ประยุทธ์) ปลัดกระทรวงกลาโหม

มีการแพร่ภาพการปฏิบัติภารกิจของนางผ่องพรรณ ในฐานะนายกสมาคมภริยาข้าราชการสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม ที่มีการต้อนรับอลังการ ประดุจคนชั้นเจ้านาย จึงทำให้สังคมสงสัยว่านางผ่องพรรณและบรรดาผู้เกี่ยวข้องไม่เคยอ่านข่าวสารบ้านเมือง ไม่เคยติดตามนโยบายของนายกรัฐมนตรีเลยหรือ จึงไม่รู้ว่านายกฯ วางกฎเรื่องนี้เอาไว้อย่างไรบ้าง

ภาพที่ปรากฏบนโลกออนไลน์ ก็อย่างเช่น การขึ้นป้ายขนาดใหญ่ยักษ์ต้อนรับนางผ่องพรรณ ตอนไปเป็นประธานเปิดฝายชะลอน้ำเฉลิมพระเกียรติที่เชียงใหม่ แต่พิธีการต้อนรับนี่สิน่าอึ้ง เพราะมีการสร้างทางเดินยกพื้นเป็นพิเศษพร้อมปูพรมแดงให้นางผ่องพรรณเดิน (อาจเป็นเพราะไม่อยากให้เท้าเธอเปื้อนโคลน)

ที่ถูกโจมตีหนักและเถียงไม่ออกก็คือการที่มีการตั้งชื่อฝายว่า “ฝายแม่ผ่องพรรณพัฒนา” ซึ่งถูกตั้งคำถามว่าในเมื่อเป็นฝายเฉลิมพระเกียรติเพื่อมอบให้ประชาชนแล้วทำไมเอาชื่อตัวเองไปตั้ง และใช้งบประมาณจากไหน ถ้าใช้งบฯ หลวงแล้วเอาชื่อตัวเองไปตั้ง เหมาะสมและมีธรรมาภิบาลไหม

นอกจากนั้น มีอีกหลายภาพที่ “ไม่เหมาะสม” เช่น มีทหารกางร่มให้ตอนเธอไปเป็นประธานเปิดงานอะไรสักอย่าง (น่าจะเป็นงานเกี่ยวกับการยกช่อฟ้าหรือเปิดป้ายอาคารอะไรสักอย่าง) แถมยังมีการสร้างแท่นยกจากพื้นให้เธอยืนเพียงคนเดียวอีกด้วย สำหรับร่มที่นำกางให้นั้น ดูจากภาพไม่น่าจะใช่ร่มสำหรับคนทั่วไปใช้

ดูโดยรวมเหมือนกับเธอเป็นตัวแทนของคนชั้นเจ้านาย

 

เชื่อว่าฝ่ายที่จัดการ อาจต้องการเอาใจภริยาปลัดกระทรวงกลาโหม แต่ในสภาวะเปราะบางที่รัฐบาลถูกโจมตีง่ายเช่นนี้ การที่คนใกล้ตัวนายกฯ เองไม่สนองนโยบายหรือไม่ระมัดระวังเรื่องการวางตัวหรือทำอะไรสวนทางกับนโยบายนายกฯ ก็เสี่ยงที่จะกลายเป็น “จุดอ่อน” ของ พล.อ.ประยุทธ์ เข้าทำนองสอนคนอื่นได้ แต่สอนคนใกล้ตัวไม่ได้

ส่วนที่สำนักปลัดกลาโหมชี้แจงว่าการที่มีภาพปรากฏออกมาเป็นเพราะมีบางคนต้องการนำมาใช้โจมตีด้วยสาเหตุสองประการ คืออาจเพราะผิดหวังเรื่องโยกย้ายตำแหน่งหรือไม่ชอบนางผ่องพรรณเพราะเป็นคนดุ เข้มงวดนั้น ความจริงการโจมตีทางการเมืองเป็นเรื่องธรรมชาติที่เกิดขึ้นได้ตราบเท่าที่มีโอกาส โดยเฉพาะจากฟากที่อยู่ตรงข้าม คสช.

หรือว่าเพราะเธอเป็นคนดุ เข้มงวดหรือเปล่า จึงทำให้ชอบพิธีรีตองจนทำให้ผู้มีหน้าที่ต้อนรับเธอต้องเตรียมงานอลังการเพื่อจะได้ถูกใจเธอ

หากไม่อยากตกเป็นเป้าโจมตี ก็ต้องปิดจุดอ่อนตั้งแต่แรก ทำอะไรต้องใคร่ครวญรอบคอบ เพราะบทเรียนจากคนในรัฐบาลอื่นมีให้เห็นมากแล้ว โดยเฉพาะจากรัฐบาลที่ถูกรัฐประหารล่าสุดซึ่งมีปัญหาเรื่องวงศ์วานว่านเครือพวกพ้อง เรื่องจริยธรรมและผลประโยชน์ทับซ้อน

การโจมตีเป็นอีกเรื่องหนึ่ง แต่สิ่งสำคัญคือเรื่องที่นำมาโจมตีนั้นมีมูลความจริงหรือไม่ ถ้ามีมูลความจริง

การโจมตีนั้นก็ได้ผลและทำให้สังคมคล้อยตามได้

 

ถ้านางผ่องพรรณหรือผู้เกี่ยวข้องอยากช่วยรัฐบาลประยุทธ์ให้ดูแลบ้านเมืองไปจนครบกำหนด ก็ให้เอาอย่างผู้ว่าฯ โคราช คือออกแนวปฏิบัติกำชับให้ต้อนรับแบบธรรมดาติดดิน ไม่สิ้นเปลือง ไม่อลังการ

ทั้งเรื่องฝายและเรื่องลูกชายของนางผ่องพรรณ-พล.อ.ปรีชา ซึ่งไปรับงานเหมาก่อสร้างโครงการของกองทัพ น่าห่วงว่าอาจส่งผลสะเทือนต่อ พล.อ.ประยุทธ์ มากกว่าเรื่องอื่นที่ผ่านมา

อาจเรียกได้ว่าเอาตัวรอดเรื่องอื่นได้ ทั้งเรื่องไมโครโฟนแพง อุทยานราชภักดิ์ ฯลฯ แต่อาจมาตกหลังม้าง่ายๆ เพราะคนใกล้ตัวก็เป็นได้