การกลับมาของ “ทหารแตงโม” มรสุมส่งท้ายเกษียณ “บิ๊กติ๊ก” บททดสอบ “จันทร์โอชา” จับตา “บิ๊กตู่” ส่งทหารเสือฯ จ่อไลน์ทัพไทย

มรสุมส่งท้ายเกษียณ “บิ๊กติ๊ก” บททดสอบ “จันทร์โอชา” บทส่งท้าย “บิ๊กหมู” สู่ “บิ๊กเจี๊ยบ” จับตา “บิ๊กตู่” ส่ง “ทหารเสือฯ” จ่อไลน์ “ดาวรุ่ง” ทัพไทย

หลังมีโปรดเกล้าฯ บัญชีรายชื่อแต่งตั้งโยกย้ายทหาร 798 นาย เมื่อ 9 กันยายน 2559 ออกมาแล้ว คลื่นลมในกองทัพก็สงบลง ระฆังลั่นหมดเวลาชกช่วงชิงเก้าอี้กันแล้ว ไว้รอฤดูกาลหน้า

แต่ที่ดูเหมือนยังไม่จบ คือ ที่กระทรวงกลาโหม ที่เกิดการเช็กบิลกันเกิดขึ้น แต่ทว่า เป็นเรื่องของ “หลังบ้าน”

ที่ถูกมองว่า เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ มาดามอู๊ด นางผ่องพรรณ จันทร์โอชา ภริยา บิ๊กติ๊ก พล.อ.ปรีชา จันทร์โอชา ปลัดกลาโหม ถูกวิพากษ์วิจารณ์อีกครั้ง

ด้วยดีกรีของการเป็นนายกสมาคมภริยาข้าราชการสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม และน้องสะใภ้นายกฯ บิ๊กตู่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จึงทำให้คราวนี้หนักกว่าเดิม

แม้ว่าต้นเรื่องจะเป็นภาพ “ฝายแม่ผ่องพรรณ” ที่ลงในเพจของสมาคมภริยาฯ แต่ทว่าก็ถูกนำมาชี้ประเด็นความไม่เหมาะสมในโลกโซเชียล ที่เริ่มจากฝ่ายต่อต้าน คสช. แต่ก็โดนใจประชาชนทั่วไป จนทำให้กระแสแรงขึ้นๆ

แต่ฝ่าย พล.อ.ปรีชา และมาดามอู๊ด มองว่า งานนี้นอกจากจะเป็นเพราะเขาและเธอ รวมทั้งลูกชาย นามสกุล “จันทร์โอชา” และเป็นเรื่องทางการเมืองแล้ว ยังมองว่ามี “เกลือเป็นหนอน”

อันเป็นผลมาจากความผิดหวังที่ไม่ได้เลื่อนยศ เลื่อนตำแหน่ง อย่างที่คาดหวัง ทั้งๆ ที่ทำดีกับทั้ง พล.อ.ปรีชา และมาดามอู๊ด มาตลอด

โดยมีการตั้งข้อสังเกตว่า ข้อมูลและภาพต่างๆ หลายภาพนั้น ต้องเป็น “คนใน” เท่านั้นที่มี ไม่ใช่ว่าทุกภาพเอามาจากเฟซบุ๊ก หรือเพจของหน่วยหรือสมาคม

กล่าวกันในหมู่คนใกล้ชิดด้วยว่า ความเป็นผู้หญิงดุ เข้มงวด เจ้าระเบียบ ก็มีส่วนสำคัญที่ทำให้มีคนไม่ชอบ ไม่พอใจนางผ่องพรรณ มากขึ้นๆ

เพราะต้องยอมรับว่า ภาพที่ออกมานั้น ในบางกรณีก็ไม่เหมาะสม และที่เรียกว่า “เว่อร์วังอลังการ” เกินไป บางกรณีก็เป็นเรื่องของดวงชะตา

แบบที่เรียกว่า ถึงคราวดวงไม่ดี

แม้ว่านางผ่องพรรณ จะชี้แจงชื่อฝายนั้น ตนเองไม่ได้เป็นคนตั้ง แต่บรรดาพ่ออุ๊ยแม่อุ๊ย ชาวบ้านในพื้นที่เป็นคนตั้งให้ จะได้จำง่ายดีก็ตาม

แต่การขุดคุ้ยประเด็นต่างๆ ทั้งเรื่องเก่าเรื่องใหม่ ก็ตามมา โดยเฉพาะการที่ลูกชายคนโตทำธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง ได้งานของกองทัพภาคที่ 3 ไป

แม้ว่า พล.อ.ปรีชา จะยืนยันว่าตนเองไม่เคยไปยุ่งกับเขา เขาทำของเขาเอง ยื่นถูกต้องตามขั้นตอน แถมทำมา 5 ปีแล้วก็ตาม

แต่ก็ต้องยอมรับว่า นามสกุล จันทร์โอชา เป็นใบเบิกทางได้แบบที่ไม่ต้องมีใครเอ่ยปาก

พล.อ.ปรีชา จึงประกาศพร้อมรับการตรวจสอบจาก ป.ป.ช. เสมอ หากใครคิดว่ามีอะไรที่ไม่ถูกต้องเกิดขึ้น

“เพราะใครทำอะไรไว้ ก็ย่อมรู้แก่ใจตนเอง ผมจึงไม่อยากไปสนใจ ใครจะพูดอะไรก็พูดไป ผมคิดว่าผมทำถูกต้อง ก็ไม่ต้องไปสนใจ” พล.อ.ปรีชา กล่าว

แต่นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่นางผ่องพรรณ ถูกนำภาพที่สะท้อนถึงการเป็นคนเจ้ายศเจ้าอย่าง หรือการเป็นเจ้านาย ออกมาแฉ เพราะเมื่อครั้งที่ พล.อ.ปรีชา เป็นแม่ทัพภาคที่ 3 ก็เคยมีการแชร์ภาพออกมาแล้ว ที่วันนี้ก็มีการนำภาพเดิมๆ นั้นกลับมาอีก

แล้วมาสำทับด้วยเรื่อง พล.อ.ปรีชา ลงนามอนุมัติ รับ นายปฏิพัทธ์ จันทร์โอชา ลูกชายคนเล็กเข้าเป็นนายทหาร สังกัดกองทัพภาคที่ 3

คราวนั้น พล.อ.ปรีชา ก็โอดครวญว่า เป็นเพราะนามกุล “จันทร์โอชา” เช่นเดียวกับวันนี้

รวมทั้งมองว่ามี “คนใน” เกี่ยวข้อง คล้ายๆ กรณีที่เอกสารการอนุมัติให้ลูกชายเข้ารับราชการทหาร ติดยศร้อยตรี หลุดออกมา แต่ตอนนั้นก็จับมือใครดมไม่ได้ และกลายเป็นเรื่องคาใจ ที่ส่งผลถึงเหตุการณ์ในวันนี้

“นายกฯ ท่านก็เป็นห่วง ให้ระวังตัว ผมเองก็พยายามอยู่เงียบๆ” พล.อ.ปรีชา กล่าว

ไม่แค่นั้น นายกฯ ได้เตือนให้ระมัดระวังทุกเรื่อง เพราะตอนนี้ จันทร์โอชา ทุกคน กลายเป็นเป้าหมายทางการเมือง เพื่อหวังดิสเครดิต พล.อ.ประยุทธ์ ที่ฝ่ายตรงข้ามกลัวกันว่าจะเป็นนายกรัฐมนตรีต่อไปในอนาคต

นี่จึงเป็นอีกครั้งที่ทำให้กระทรวงกลาโหม เกิดบรรยากาศที่ไม่ดี เกิดความหวาดระแวง จ้องจับผิดกันว่า ใครคนไหนเป็นทหารแตงโม ทั้งหน้าบ้านหลังบ้าน

ประเด็นนี้ส่งผลให้ บิ๊กช้าง พล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล ปลัดกลาโหมคนใหม่ ต้องเข้ามาดูแลต่อ หลังจากที่มีกำหนดจะรับมอบหน้าที่ปลัดกลาโหม จาก พล.อ.ปรีชา ตั้งแต่ 27 กันยายน เนื่องจาก พล.อ.ชัยชาญ ต้องร่วมคณะ พล.อ.ประวิตร เดินทางไปมลรัฐฮาวาย ของสหรัฐอเมริกา ในช่วงปลายเดือนกันยายนพอดี

จนทำให้ พล.อ.ปรีชา มองว่า นี่เป็นเหตุการณ์ที่ไม่น่าประทับใจที่เกิดขึ้น ส่งท้ายเกษียณราชการ และยิ่งเป็นการตอกย้ำว่า เขาไม่ได้ไปต่อ

แม้จะเป็นน้องชายของนายกฯ แต่โอกาสที่จะลุ้นเป็นรัฐมนตรีหลังเกษียณ จึงยากยิ่ง เพราะแค่นี้ก็เรียกได้ว่าเป็นตำบลกระสุนตก เป็นเป้าหมายทางการเมือง เป้าใหญ่

“ไม่ได้ กลับไปอยู่บ้านเลี้ยงหลาน เป็น “สว.” สูงวัย ไม่เล่นการเมือง ไม่มีตำแหน่งใดๆ ทั้งสิ้น” บิ๊กติ๊ก ที่ต้องทำหน้าที่ สนช. ต่อ เปรย

img_1878

ขณะที่ บิ๊กหมู พล.อ.ธีรชัย นาควานิช ผบ.ทบ. นั้น นั่งรอนับถอยหลังวันเกษียณแบบเงียบๆ และสบายๆ แม้ว่ายังรอความหวังที่จะได้มาเป็นรัฐมนตรี ร่วม ครม.บิ๊กตู่ อยู่เงียบๆ ด้วยก็ตาม

แต่ พล.อ.ธีรชัย ก็ผ่องถ่ายงานให้ บิ๊กเจี๊ยบ พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท ผช.ผบ.ทบ. ในฐานะ ว่าที่ ผบ.ทบ. ตั้งแต่ช่วงกลางเดือนกันยายน

แม้ว่าการส่งมอบหน้าที่ ตามกฎหมาย จะมีขึ้นในวันที่ 30 กันยายน แต่ทว่า พล.อ.ธีรชัย ก็ไม่ยึดติด ได้มอบหมายงานให้ ผบ.ทบ.คนใหม่ อย่างไม่เป็นทางการไปก่อนแล้ว เพื่อที่เมื่อ 1 ตุลาคม จะได้รับหน้าที่ต่อได้อย่างราบรื่น

เนื่องจาก พล.อ.เฉลิมชัย จะต้องรับทั้ง 3 เก้าอี้ คือ ผบ.ทบ. และเลขาธิการ คสช. รวมทั้ง ผบ.กองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย ของ คสช. อีกด้วย

ถึงขั้นที่ พล.อ.ธีรชัย ไม่ยอมให้กองทัพบกอยู่ในสภาพการณ์ของการมี 2 ผบ.ทบ. หรือ 2 นาย นายเก่าและนายใหม่ เขาจึงเลี่ยงที่จะเข้ามาทำงานที่ บก.ทบ. แต่ทว่า เตรียมตัวเกษียณ

รวมถึงการเตรียมรองรับชีวิตหลังเกษียณ ทั้งการทำบุญบ้านหลังใหม่ ย่านติวานนท์ นนทบุรี ที่หมายจะอยู่ในบั้นปลายชีวิตหลังเกษียณ

โดยตั้งใจว่าจะย้ายออกจากบ้านหลวง ใน ร.1 รอ. เมื่อเกษียณราชการ เพื่อเตรียมให้ พล.อ.เฉลิมชัย เข้ามาพำนักแทน

 

แม้ว่าก่อนหน้านี้ จะมีการเตรียมหาบ้านใน ร.11 รอ. เพื่อรองรับ พล.อ.เฉลิมชัย เพราะในรั้วค่ายนี้ก็มี บิ๊กบัง พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน อดีต ผบ.ทบ. และหัวหน้า คมช. พำนักอยู่ แต่อาจมีคนเกรงว่า การปล่อยให้ทหารรบพิเศษ มาอยู่ในถ้ำเดียวกัน อาจจะต้องเหนื่อยในการจับตาความเคลื่อนไหว

อีกทั้ง พล.อ.สนธิ นั้นก็ตัดญาติขาดมิตรกับ บิ๊กแอ้ด พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ องคมนตรีลูกป๋า สายเลือดรบพิเศษ ไปแล้วตั้งแต่รัฐบาล คมช. ที่มี พล.อ.สุรยุทธ์ เป็นนายกรัฐมนตรี ทำ “เสียของ”

อย่าลืมว่า พล.อ.เฉลิมชัย เป็นรบพิเศษน้องรักของ พล.อ.สุรยุทธ์ ก็น่าจะไม่สะดวกใจที่จะมาอยู่บ้านใกล้เรือนเคียงกับบิ๊กบัง ใน ร.11 รอ. เท่าใดนัก

ทั้งนี้ เนื่องจากตลอดเกือบ 1 ปีของการเป็น ผช.ผบ.ทบ. นั้น พล.อ.เฉลิมชัย อาศัยอยู่ที่แฟลตนายพล ทบ. แถว มทบ.11 ซึ่งก็ถือว่าเป็นทำเลทอง เพราะใกล้ บก.ทบ. และหน่วยทหารต่างๆ เนื่องจากบ้านส่วนตัวย่านรามคำแหงนั้นไกลเกินไป

แต่การอยู่แฟลต ทบ. อาจจะไม่เหมาะสมนัก เมื่อขึ้นเป็น ผบ.ทบ. แม้ พล.อ.เฉลิมชัย จะพูดเชิงตลกว่า เป็นรบพิเศษ ต้องอยู่แฟลต เพราะจะได้โรยตัวลงมา แทนการใช้บันได

ที่สำคัญ การที่ พล.อ.เฉลิมชัย เข้าไปอยู่บ้านพักใน ร.1 รอ. ก็จะได้อยู่ใกล้ชิด พล.อ.ประยุทธ์ และ พล.อ.ประวิตร ด้วย เพราะต่างก็อยู่ใน ร.1 รอ. บ้านใกล้ๆ กัน มีอะไรจะได้เรียกหากันได้ทันที

แต่ในอีกมุมหนึ่ง ก็อาจจะถูกมองได้ว่า การให้ พล.อ.เฉลิมชัย มาอยู่บ้านใน ร.1 รอ. ก็เพื่อที่ทั้ง พล.อ.ประยุทธ์ และ พล.อ.ประวิตร จะมองเห็นความเคลื่อนไหวต่างๆ ได้ถนัดถนี่มากขึ้น

แม้ว่าจะไม่ได้หวาดระแวง แต่ก็อย่าลืมว่า พล.อ.เฉลิมชัย ไม่ได้โตมาจากทหารเสือราชินี หรือบูรพาพยัคฆ์ ที่จะรู้นิสัยใจคอกัน

 

ในขณะที่ พล.อ.เฉลิมชัย ยืนยันว่า แม้จะเป็น ผบ.ทบ. หลัง 1 ตุลาคมนี้แล้ว ก็จะยังคงเป็น “บิ๊กเจี๊ยบ” ที่เรียบง่าย เข้าถึงได้ ของพี่น้องทุกคนเช่นเดิม เพราะต้องการที่จะให้ ทบ. ทำงานเป็นทีมเวิร์ก หรือที่เรียกว่า ทีมกองทัพบก ที่เหมือนกับการเล่นฟุตบอล กีฬาสุดโปรด นั่นเอง ภายใต้ม็อตโต้ที่ว่า “งานได้ผล คนเป็นสุข”

เพราะใน ห้าเสือ ทบ. แม้ว่าจะต่างเหล่า คือ บิ๊กแกละ พล.อ.พิสิทธิ์ สิทธิสาร รอง ผบ.ทบ. (ตท.17) สายบูรพาเทวัญ สายตรงบิ๊กป้อม

ส่วน บิ๊กต้อ ว่าที่ พล.อ.สสิน ทองภักดี เสธ.ทบ. (ตท.17) นั้น เป็นทหารม้า สายตรงนายกฯ บิ๊กตู่ แถมมีอายุราชการถึงปี 2561 เท่า พล.อ.เฉลิมชัย

รวมทั้งทหารม้าสายป๋าเปรม บิ๊กเปี๊ยก ว่าที่ พล.อ.สมศักดิ์ นิลบรรเจิดกุล (ตท.16) ที่โตมาจากแม่ทัพภาคที่ 3 ที่ขึ้นมาเป็น ผช.ผบ.ทบ. คู่กับ บิ๊กเข้ ว่าที่ พล.อ.เทพพงศ์ ทิพยจันทร์ แม่ทัพภาคที่ 1 สายทหารเสือราชินี และบูรพาพยัคฆ์ แห่ง ตท.18

แต่คาดกันว่า แม้ พล.อ.เฉลิมชัย จะเป็นสายตรงบิ๊กแอ้ด และบ้านสี่เสาฯ แต่ทว่า จากนี้ไป มีอะไรก็จะยิ่งตรงเข้าตึกไทยคู่ฟ้า เข้าหา พล.อ.ประยุทธ์ มากกว่าที่จะสายตรงกับบิ๊กป้อม รมว.กลาโหม

เพราะอย่าลืมว่า บิ๊กเจี๊ยบ คนนี้ เป็น ผบ.ทบ. ที่นายกฯ บิ๊กตู่ เลือกมา ด้วยการมองการณ์ไกลไว้แล้ว

เช่นเดียวกับที่ บก.กองทัพไทย ที่แม้จะหายใจโล่งอกไปเปลาะหนึ่งว่า โยกย้ายปลายปี 2560 พล.อ.เฉลิมชัย จะไม่โดนแซะจากเก้าอี้ ผบ.ทบ. ให้มาเป็น ผบ.สส. ก็ตาม แต่ทว่า นายกฯ บิ๊กตู่ ส่งว่าที่ ผบ.สส. ในอนาคต จ่อเข้าไลน์ไว้แล้ว มองอนาคตไว้แล้ว

นั่นจึงทำให้การที่ บิ๊กกวาง พล.ต.สัณทัศน์ นันทิภาคย์หิรัญ จาก ผบ.มทบ.15 ข้ามมาเสียบเป็น พลโท ในตำแหน่ง รอง ผบ.หน่วยบัญชาการทหารพัฒนา (นทพ.) ถูกจับตามองอย่างมาก

เพราะรู้กันดีว่า ไลน์จาก ผบ.นทพ. ขึ้นเป็น เสธ.ทหาร หรือ รอง ผบ.สส. แล้วเป็น ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ได้

 

อีกทั้ง ว่าที่ พล.ท.สัณทัศน์ ก็เป็นเตรียมทหาร 21 ที่มีอายุราชการถึงกันยายน 2566 และเป็นนายทหารน้องรักของ พล.อ.ประยุทธ์ ตั้งแต่สมัยอยู่ ร.21 รอ. แล้วมาอยู่กับ พล.อ.ประยุทธ์ ตอนเป็นแม่ทัพภาคที่ 1 จนขึ้นเป็น ผบ.ทบ.

บิ๊กกวาง คนนี้ ดั้งเดิมคือทหารเสือราชินี จาก ร.21 รอ. แต่เป็นทหารเสือฯ รุ่นบุกเบิก ที่ได้มาเติบโตในกองพลที่ 1 รักษาพระองค์ (พล 1 รอ.) หรือวงศ์เทวัญ มาอยู่ใน ร.1 พัน 4 รอ.

ว่าที่ พล.ท.สัณทัศน์ จึงกลายเป็นนายทหารเสือราชินี ที่ พล.อ.ประยุทธ์ ส่งมาเข้าไลน์ เพื่อเติบโตแบบเงียบๆ ที่ บก.กองทัพไทยแห่งนี้

ขณะที่เตรียมทหารรุ่น 21 ก็เป็นรุ่นที่กำลังเบียด ตท.20 ขึ้นมา เพราะในระดับคุมกำลัง ผู้บัญชาการกองพล นั้น ทั้ง ผบ.พล.ร.4, ผบ.พล.ร.6, ผบ.พล.ร.7, ผบ.พล.ร.11, ผบ.พล.ม.1 รวมทั้ง ผบ.กองพลทหารช่าง, ผบ.พล.ปตอ., ผบ.พล.ร.15, ผบ.มทบ.12, ผบ.มทบ.14, ผบ.มทบ.19 และ บิ๊กแก้ว พล.ต.เฉลิมพล ศรีสวัสดิ์ ผบ.พล.ม.2 รอ. ที่เป็นความหวังของสายทหารม้า และของรุ่น ตท.21 ใน ทบ. ด้วย

แต่ก็เรียกได้ว่า ว่าที่ พล.ท.สัณทัศน์ มาควบแข่งกับเพื่อน ตท.21 อย่าง บิ๊กโป๊ป ว่าที่ พล.ท.ชัชชัย ภัทรนาวิก ที่ได้ขึ้นมาเป็น ผบ.ศูนย์ปฏิบัติการต่อต้านการก่อการร้ายสากล ที่ได้ชื่อว่าเป็นน้องรักของ บิ๊กป๊อก พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา แต่บิ๊กโป๊ป เกษียณก่อน คือกันยายน 2565

แต่ ว่าที่ พล.ท.ชัชชัย เป็นวงศ์เทวัญ เพราะเติบโตมาจาก ร.1 พัน 2 รอ. และกองร้อย ลาดตระเวนระยะไกล ที่ 1 ของ พล.1 รอ. ก่อนที่จะขยับเข้าถิ่นบูรพาพยัคฆ์ พล.ร.2 รอ. ไปเป็น ผบ.ร้อย ลาดตระเวนระยะไกล ที่ 2 ของ พล.ร.2 รอ.

พล.อ.สุรพงษ์ สุวรรณอัตถ์

เส้นทางเดินออกแนวทหารอินเตอร์ เพราะหลังจากที่เป็นอาจารย์โรงเรียนเสนาธิการทหารบก และเป็นฝ่ายเสนาธิการของ พล.อ.อนุพงษ์ ตอนเป็น ผบ.ทบ. นั้น ก็ไปสอบเป็นผู้ช่วยทูตทหารบก ประจำกรุงมอสโก รัสเซีย แถมจบวิทยาลัย เสธ.ทหารของกองทัพเยอรมัน และวิทยาลัยการป้องกันประเทศของกองทัพฝรั่งเศส

เพราะ บิ๊กปุย พล.อ.สุรพงษ์ สุวรรณอัตถ์ ว่าที่ ผบ.สส.คนใหม่ นั้น ก็เป็นนายทหารอินเตอร์ เพราะตอนที่ไปเรียนโรงเรียนเสนาธิการทหารบก ลีเวนเวิร์ธของสหรัฐอเมริกานั้น จากจำนวนนักเรียนทั้งหมดกว่าพันคน พล.อ.สุรพงษ์ ก็สอบได้ที่ 1 ของนักเรียนต่างชาติ

และได้รับรางวัล “ไอเซ่นฮาวร์”

จึงไม่แปลกที่เมื่อจะขึ้นมาเป็น ผบ.สส. คนที่ 31 ของกองทัพไทย พล.อ.สุรพงษ์ จึงตั้งเป้าที่จะให้ความสำคัญกับยุทธศาสตร์ความมั่นคงในภูมิภาค เพราะจากการประเมินสถานการณ์แล้ว ปัญหาในภูมิภาคจะมีความสำคัญ โดยเฉพาะปัญหาทะเลจีนใต้

รวมทั้งบทบาทของกองทัพ บนเวทีระหว่างประเทศ และบทบาทการรักษาสันติภาพ ที่กำลังจะส่งหน่วยเฉพาะกิจไปรักษาสันติภาพ ที่ South Sudan ในปลายปีนี้ และการทำให้หน่วยบัญชาการทหารพัฒนา เป็นศูนย์การเรียนรู้การฝึกการบรรเทาภัยพิบัติของกองทัพอาเซียน ทั้งในเวลากลางวันและกลางคืน ต่อจากที่ บิ๊กเต้ พล.อ.สมหมาย เกาฏีระ ผบ.สส. เพื่อน ตท.15 ที่ได้วางเอาไว้

โดยจะมี บิ๊กต๊อก พล.อ.ธารไชยยันต์ ศรีสุวรรณ แกนนำ ตท.17 ที่ขึ้นมาเป็นเสนาธิการทหาร จ่อคิวที่จะเป็น ผบ.สส. คนต่อไปในปลายปี 2560 ตามที่ได้มีการวางตัวกันเอาไว้

ด้วยเพราะที่ บก.กองทัพไทย มี “บิ๊กต๊อก” 2 คน เมื่อ พล.อ.ธารไชยยันต์ ถูกวางตัวเป็นทายาทไว้แล้ว ทำให้ บิ๊กต๊อก พล.อ.หัสพงศ์ ยุววรรธนะ ผบ.หน่วยทหารพัฒนา รุ่นพี่ ตท.16 ก็ต้องอยู่ที่เดิม และพลาดโอกาสที่จะไปชิงเก้าอี้ ผบ.สส. เพราะเกษียณราชการกันยายน 2561 เท่ากัน

พลโท ธนเกียรติ ชอบชื่นชม และเพื่อน ตท.19
พลโท ธนเกียรติ ชอบชื่นชม และเพื่อน ตท.19 (คนกลาง)

โดยจากนั้นให้จับตามอง “บิ๊กเจอร์รี่” พล.ท.ธนเกียรติ ชอบชื่นชม ผบ.ศูนย์รักษาความปลอดภัย (ผบ.ศรภ.) หน่วยข่าวกรองสำคัญ ของ บก.กองทัพไทย แกนนำ ตท.19 ที่นอกจากจะเป็นน้องรักของ บิ๊กเต้ พล.อ.สมหมาย แล้ว ยังเป็นสายตรง บิ๊กป้อม พล.อ.ประวิตร อีกด้วย

พล.ท.ธนเกียรติ เป็นนายทหารม้า เมืองกรุง ที่เติบโตมาจาก ม.พัน 1 รอ. และกองพันม้าเนื้อ ม.พัน 29 รอ. และเคยเป็น ผบ.กรมนักเรียนนายร้อย จปร. ก่อนจะไปเติบโตในสายบุ๋น ในการเป็นอาจารย์โรงเรียนเสนาธิการทหารบก และมาทำงานด้านการข่าวกรอง จนมาเติบโตใน ศรภ. นี่เอง

นี่เป็นกลยุทธ์ในการวางหมาก วางตัว จัดทัพขุนพล จากการโยกย้ายทหารครั้งล่าสุด ที่สะท้อนให้เห็นว่า นายกฯ บิ๊กตู่ มองยาว คิดไกล จริงๆ