เปิดใจ “แซมมี่” กับ 11 ปีในวงการ เหมือนอยู่บนเขา ที่พร้อมจะตกตลอดเวลา

ถ่ายทำเสร็จไปนาน แล้วถึงตอนนี้ ช่อง 7 ก็นำละคร “เสน่หามายา” ผลงานของผู้จัดหน้าใหม่ แต่คร่ำหวอดในวงการแสดงมานานปีอย่าง แอน สิเรียม ภักดีดำรงค์ฤทธิ์ มาลงจอ

ละครที่นางเอก แซมมี่ เคาวเวลล์ บอกเลยว่า “มีความแซบ”

“แซบแบบไดอะล็อกฉะกันค่ะ” เธอว่าพลางยิ้ม ก่อนจะว่าละครเรื่องนี้ “ตบกันน้อยมาก ถ้าไม่จำเป็นจะไม่ตบ แต่จะเสียดกันไปมา”

ซึ่ง “ก็สนุกไปอีกแบบ” เธอว่า

ในเรื่องนี้แซมมี่รับบทเป็น “เพลงพิณ” ลูกนักการเมือง ซึ่งแน่นอนว่าฐานะดี เป็น “เศรษฐีใหม่” ที่มีเหตุให้ต้องปะทะกับผู้ดีเก่าอย่างแอน สิเรียม ที่ร่วมแสดงด้วย และ “เขาจะดูถูกเรา ว่าเป็นคนเพิ่งรวย”

ทั้งนี้ แม้ในเรื่องพอเห็นหน้ากันทีไร เป็นต้องมีเรื่อง แต่นอกจอ “พี่แอนน่ารักมาก เป็นคนตลก” แซมมี่เผย

อย่างไรก็ดี นั่นเป็นสิ่งที่เรียนรู้ภายหลัง เพราะแรกๆ ที่เจอกัน เธอนั้นทั้งกลัวและเกร็ง “ด้วยความที่พี่เขาคือแอน สิเรียม ไง”

เธอให้เหตุผลพลางหัวเราะเบาๆ

เล่าอีกว่า เหตุที่ตัดสินใจรับงานนี้ เพราะตัวเรื่องน่าสนใจ ขณะตัวละคร “เพลงพิณ” ก็เช่นกัน

“ส่วนมากที่เราเห็น เราคุ้นเคยกับละครที่ตบตี ด่ากันไปมา เป็นละครที่เข้าใจง่าย แต่อันนี้ทุกฉาก ทุกคำพูดของตัวละคร มีอะไรแอบแฝงอยู่ ซึ่งมันเป็นเสน่ห์ของเรื่อง”

ขณะเดียวกัน การได้กอล์ฟ ธัญญ์วาริน สุขะพิสิษฐ์ ซึ่งเป็นผู้กำกับการแสดงภาพยนตร์มาก่อน มากำกับฯ ให้ ก็ทำให้ละครมีมุมใหม่ๆ

“จากที่เคยเล่น ละครต้องชัดเจน คำพูด ไดอะล็อกต้องชัด แต่พอมีฟีลของภาพยนตร์เข้ามา มันจะมีความเรียลขึ้น ชีวิตจริงใครจะมาตบกันทุกวี่ทุกวัน แล้วเรื่องมันจะเป็นอะไรที่ใกล้ตัวมากขึ้น”

แต่แน่นอนว่าที่ยกตัวอย่างมา ไม่ได้แปลว่าแบบไหนผิด แบบไหนถูก แบบไหนดี หรือแบบไหนแย่ เพียงแต่พอเปลี่ยนวิธี ก็จะมีความแตกต่างให้เห็น

ขณะที่ในส่วนของ “เพลงพิณ” ซึ่งหน้าตาดี การงานดี ฐานะดี มีความสมบูรณ์แบบในตัวนั้น ฟังแล้วคนดูอย่างเราๆ อาจรู้สึกว่า ก็ไม่เท่าไหร่

“แต่ในเรื่องนี้ที่มันสนุก เพราะว่าทุกคนในเรื่องรวยหมดเลย” แซมมี่อธิบายเพิ่ม หลังเดาความรู้สึกเราออก

“จะไม่มีการบลั๊ฟฟ์กัน ดูถูกกัน ว่าใครรวยกว่า หรือฉันรวย เธอจน ไม่มีการแบ่งชนชั้น ละครส่วนใหญ่จะพระเอกรวย นางเอกจน นางเอกรวย พระเอกจน แต่นี่รวยและรวยมาเจอกัน แล้วดูว่าใครจะแน่กว่า เป็นการแข่งขันที่สมน้ำสมเนื้อ เป็นการแข่งกันทางสมองด้วย”

“แล้วโลเกชั่นสบาย” ถึงตอนนี้เธอเล่าพลางหัวเราะ

“คือพอทุกคนเป็นคนรวยก็จะอยู่ในบ้าน ที่ทำงาน ศูนย์การค้า ตัวบทจึงไม่ได้เหนื่อยทางกาย แต่เหนื่อยทางอารมณ์”

เพราะแม้ชีวิตจะดูสมบูรณ์แบบ แต่ก็ชีวิตนี่นะ จึงไม่วายเจอปัญหาใหญ่ ซึ่งแซมมี่บอกเลย ว่าถ้าตัวจริงของเธอต้องเจอปัญหาดังว่าคงทำใจลำบาก และอาจต้องหลีกลี้หนีไปอยู่ที่อื่น

กับ 11 ปีในวงการ แซมมี่ในวัย 27 บอกว่าเวลาผ่านไปไวมากๆ

“เข้ามาแรกๆ ไม่เคยคิด ไม่กล้าคิดว่าจะอยู่เป็น 10 ปี”

คิดๆ แล้วยังรู้สึกโชคดีที่ผู้ใหญ่ให้โอกาส เพราะเธอในตอนละอ่อนนั้นประกาศอยู่บ่อยๆ ว่าไม่อยากเล่น ไม่อยากเล่น ซึ่งพอนึกย้อนไป “มันตลกมาก คิดอย่างนั้นได้ยังไง” แซมมี่ที่มาจากเวทีประกวดนางแบบ และเคยฝังใจว่าควรจะทำแค่งานเดินแบบบอก

เล่าอีกว่าเรื่องแรกที่เธอเล่นคือ “คู่กิ๊ก พริกกะเกลือ” ละครซิตคอม อันเป็นงานประเภทที่ใครๆ ก็ว่ายากแสนยาก เพราะนอกจากความสามารถทางการแสดงแล้ว ยังต้องอาศัยจังหวะและความพอดี เพื่อให้เกิดความขำ ซึ่งในตอนนั้นรู้สึกว่าแสนสาหัส หากตอนนี้กลับคิดอีกทาง

“ต้องขอบคุณผู้ใหญ่ทางช่องมาก ที่ส่งไปเจออะไรที่มันยากๆ เลยเหมือนได้ฝึกมาเรื่อยๆ”

กับเส้นทางที่เดินมาตั้งแต่อายุ 16 ปี แซมมี่บอกเลย ถนนเส้นนี้ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ

“ไม่เรียบง่ายเลย การแข่งขันมันสูง แต่เราไม่เคยคิดจะไปแข่งกับใคร ไม่จำเป็นต้องเหนื่อยเพื่อชิงดีชิงเด่นกับใคร”

“แข่งกับตัวเองดีกว่า”

“มันเป็นเส้นทางเหมือนเดินขึ้นเขา แต่ไม่ได้เป็นเขาที่เป็นทางเรียบ ไม่ได้เป็นเขาที่เดินเป็นหน้ากระดาน แต่เป็นเขาบางๆ แล้วค่อยๆ เดินขึ้น มีความเสี่ยงที่พร้อมจะล้ม จะตก ได้ตลอดเวลา เพราะฉะนั้น แต่ละก้าวต้องคิดแล้วคิดอีก แล้วค่อยก้าวให้เต็มเท้า”

“เพราะฉะนั้น เราก็ภูมิใจกับเส้นทางของเรามาก”

กับการเดินบนภูเขาที่มีความเสี่ยงให้พร้อมจะล้ม จะตก ได้ตลอดเวลาดังว่า แซมมี่ยังถือเป็นโชคดีที่เธอไม่คิดกดดันตัวเอง ไม่เอาตัวไปเปรียบเทียบกับใคร จึงสามารถที่จะค่อยๆ เดินไปแบบสบายๆ

“จะไม่มีความคิดว่า คนนั้นไปตรงโน้นแล้ว เราทำอะไรอยู่ตรงนี้ เพราะเส้นทางชีวิตของแต่ละคนไม่เหมือนกัน ปล่อยเขา เราแค่โฟกัสในเส้นทางของเรา”

แล้วก็พยายามให้ดีที่สุดเหมือนเช่นที่เคยเป็นมา ส่วนจะได้ผลตอบรับกลับมาแค่ไหน ไม่เป็นไร เพราะนั่นต้องอาศัยอีกหลายองค์ประกอบ

และเมื่อถามถึงความคาดหวัง แซมมี่ก็ตอบทันที “ไม่เชิงคาดหวัง แต่ก็ไม่ได้สิ้นหวังไปซะทีเดียวค่ะ”

“คือเราจะตั้งใจและเต็มที่กับการทำงานและทุกอย่างที่ได้รับ ซึ่งถ้าตั้งใจแล้ว ทำเต็มที่แล้ว ทำอย่างดีที่สุดแล้ว ก็เชื่อว่าจะต้องมีอะไรดีๆ กลับมา” เธอว่าด้วยความเชื่อมั่น