ความอ่อนไหวและแข็งแกร่งในหมู่พี่น้องฮุน ผู้เป็น “อีลิตแขฺมร์” และเป็น “ชนชั้นพิเศษ” ซึ่งข้อหนึ่งในนั้นคือทำให้พวกเธอและเขาถูกเก็บงำชีวิตส่วนตัว และเผยแต่ความสำเร็จของหน้าที่การงานทางสังคม

ทั้งหมดนี้มันได้ถูกวางเป็นเหมือนจารีตแบบฮุนไว้ก่อนแล้ว ตั้งแต่สมัยที่พวกเขายังเป็นเด็ก และวิถีแบบทายาทตระกูลฮุนที่ถูกฟูมฟักแบบไข่ในหินจากบิดาที่มีอำนาจเหนือใดๆ ที่ปกป้องคนในตระกูลอย่างทุกรูปแบบ

โดยนัยที่ ฮุน เซน เองนั้น มองกาลไกลที่วางให้ธิดาคนโตขึ้นมาคุมกิจการด้านสื่อมีเดียทั้งหมด กิจการวิทยุโทรทัศน์ สิ่งพิมพ์ฉบับเขมร-อังกฤษ สื่อออนไลน์ และกิจกรรมบันเทิงทั้งหมด ไม่เพียงเท่านั้น ฮุน มานา ยังสยายอำนาจทางลับต่อพันธมิตรกลุ่มหนึ่งซึ่งมีกิจการแขนงเดียวกับเธอ เช่น เมง กิต และ ลี ยงพัต ซึ่งได้ชื่อว่าเป็น “ออกญาทั้งห้าและหก” ของเธอและพ่อ และถือสื่อทีวีที่มีเม็ดเงินลงทุนขนาดใหญ่ของกัมพูชาสุดขณะนี้

ไม่มีใครรู้หรอกว่า จริงแล้ว ลี ยงพัต เป็นผู้ลงทุนตัวจริงหรือเขาเป็นเพียงนายหน้า “นอมินี” อยู่ฉากหลังของสมเด็จฯ ฮุน เซน เพื่อทำให้แบรนด์มีเดียแขนงนี้ถูกจดจำและสร้างชื่ออีกครั้ง หลังจากที่กิจการสื่อทุกแขนงของฮุน มานา ไม่ได้รับความนิยมจากประชาชน

ชีวิตและงานของฮุน มานา จึงข้ามกระโดดไปจากหมู่พี่น้องคนอื่นๆ ซึ่งทำให้เธอ จากเด็กสาวที่มีชีวิตผูกพันแต่ในกลุ่มบุคคลของบิดา รวมทั้งในวัยสาวที่ทำให้เธอเลือกคู่ครองตามแบบครอบครัวนิยม (เว้นแต่กรณีฮุน มาเนต)

ไม่ต่างกันนี้ที่ฮุน มานิต สมรสกับฮก จันดาวี ลูกสาวเพื่อนของพ่อ (ฮก ลองดี) และน้องสาวของสามีพี่สาวฮุน มานา คือ ดี วิเจีย จันดาวีจึงมีศักดิ์เป็นน้องสะใภ้ฮุน มานาด้วย ขณะเดียวกันก็เป็น “น้องสามี” อีกสถานะหนึ่ง ซึ่งการมี “ฮก” เป็นทั้งเขยใหญ่และสะใภ้รองนี้ สำหรับสมเด็จฯ ฮุน เซน ผู้ระแวดระวังแล้ว ถือว่ามาก

แม้จะมั่นใจในความจงรักของคนตระกูลฮกที่มีต่อตระกูลฮุน แต่บางที การ “รีแบรนด์” สถานะสมาชิกฮกซึ่งค่อนข้างจะถูกจดจำถึงกิตติศัพท์อันโหดร้าย และนั่นที่ทำให้ทายาทคนโตอย่าง “ดี วิเจีย” ต้องรีเนมนามสกุล “ฮก วิเจีย” มาเป็นดี วิเจีย ตามชื่อกลางของบิดา

แต่ก็ใช่ว่าจะทำให้พ่อตาของเขากลับมาปลื้ม

ลำพังเป็นเขยหนึ่งแต่ถูกลดสถานะเป็นเพียงเบอร์สองก็แย่แล้ว แต่สำหรับอาเวก-วิเจียนั้น เขามักจะถูกลืมอีกด้วย

 

แต่มันตอกย้ำว่า การแต่งงานของทายาทฮุน (เกือบ) ทุกคน คือระบบขยายองคาพยพแห่งอำนาจ จากมิตรเป็นเครือญาติ นั่นเองที่การแต่งงานระหว่างฮุน มาลี บุตรีคนสุดท้องของเขากับสก พุฒิวุธ ซึ่งเป็นบุตรคนโตของสก อัน

เทียบเคียงกับมึง กุมเพียะ อดีตเขยเบอร์ 1 สามีเก่าฮุน มานา สก พุฒิวุธ เป็นเขยเล็กที่สมเด็จพ่อตาให้ความเอ็นดูเป็นพิเศษกว่า “อาเวก” ฉายาที่บ่งบอกถึงความกลัวภริยาและครอบครัวฮุนของดี วิเจีย

บนสนามการเมืองนั้น ดี วิเจีย คงตามรอยบิดา อดีตซึ่งคุมกรมตำรวจและมหาดไทยแต่เริ่มต้น ขณะที่สก พุฒิวุธ ดูจะไม่มีความทะเยอทะยานทางการเมืองเยี่ยงบิดา ยังไปได้ดีกับไลฟ์สไตล์ของภรรยาฮุน มาลี ในฐานะนักธุรกิจแถวหน้า

ฮุน มาลี ดูจะมีชีวิตนอกกรอบกว่าพี่น้องคนอื่นๆ โดยเฉพาะแบบ “บุตรีหมายเลข 1” ของพี่สาว-ที่กลายเป็นตัวแทนอำนาจของบิดา

ในวัย 38 ปี ฮุน มานา เฉิดฉายอยู่บนบัลลังก์เมฆาแห่งความมั่งคั่งและชัยชนะของบิดาอย่างครั้งแล้วครั้งเล่า

แต่สิ่งที่แปลกไปกว่านั้น คือการที่เธอวนเวียนเข้าออกอยู่กับบรรดา “ออกญาทั้งห้าและหก” ของบิดา ซึ่งเป็นทั้งแบบความสัมพันธ์ส่วนตัว งานและความรัก ในลักษณะกึ่งนอมินีที่มีฐาน “คอนเน็กชั่น” แบบ “กึ่ง” เครือญาติรวมอยู่ด้วย

ตัวอย่าง การผูกขาดตำแหน่งประธานหอการค้า (บีโอไอ) ของเมง กิต และธุรกิจอีกนับไม่ถ้วนที่เขาถือครอง และเพื่อพิสูจน์ความสามารถด้านล็อบบี้ยิสต์นักลงทุน เมง กิต เคยผ่านการทำงานหลายอย่าง ทั้งการติดแบล็กลิสต์ว่าพัวพันการฟอกเงินต่างแดนร่วมกับฮุน โต บุตรฮุน เนง หลานฮุน เซน ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นแกะดำในวงการ

เขายังใช้ชีวิตช่วงหนึ่งเป็นคู่ควงกับน้องสาวของฮุน โต คือ ฮุน จันทา โดยตลอดเวลานั้น เมง กิต อยู่กินกับดาราสาวคนหนึ่งซึ่งเขามีลูกกับเธอถึง 4 คน

กว่าเมง กิต จะปลดล็อก ทำให้บุตรีหมายเลข 1 ผู้เกรงว่า การแต่งงานกับหญิงคนอื่นซึ่งไม่ใช่คนตระกูลฮุนของเขา จะทำให้ระบบถือครองธุรกิจแบบนอมินีของฝ่ายตนต้องกระทบกระเทือนนั้น เมง กิต ต้องหมดเปลืองเวลาอันลึกลับไปกับ “วิถีสัมพันธ์อันซับซ้อนในแบบคนตระกูลฮุน”

โดยมี “สรัยนา” นั่นเองผู้ทำหน้าที่ตรวจสอบความประพฤติ

 

มันจะเป็นอะไรไม่ได้เลย เพราะเรื่องแบบนี้มีอยู่แต่เฉพาะของสมเด็จ-ออกญาและ “บุตรีหมายเลข 1” เท่านั้น

แต่สรัยนาก็ดูจะไปไกลกว่านั้น

เมื่อการบ่มเพาะความสนิทสนมต่อเหล่านอมินีหรือออกญาทั้งห้าทั้งหก โดยเฉพาะกรณีที่เป็นออกญาหนุ่มรุ่นใหม่ผู้มีวิสัยทัศน์ทางการลงทุน และออกญาคนใหม่นี้มีนามว่า ทอง สารัต

มีสิ่งที่บ่งบอกว่าได้รับการยอมรับจากบิดาฮุน เซน ดังที่ปรากฏภาพทอง สารัต กับงานเลี้ยงสังสรรค์ภายในครอบครัวอย่างบ่อยครั้ง ซึ่งงานดังกล่าวแน่นอนว่า ไม่มีดี วิเจีย ร่วมอยู่ด้วย

นับ 10 ปีมาแล้ว ที่เคยมีรูปเขาร่วมเฟรมกับครอบครัวฝ่ายภรรยา นับแต่งานศพพ่อ 10 ปีก่อนจนถึงบัดนี้ ดี วิเจีย ก็เป็นแค่ “อาเวก” คนหนึ่งซึ่งยังถูกลืมต่อไป แม้มีฉากภาพ “สวีตหวาน” ที่สรัยนาโพสต์ผ่านเฟชบุ๊กส่วนตัว

แต่ดูเหมือนอดีตภรรยาและภรรยาปัจจุบันของดี วิเจีย ทั้งสอง (จันทาและมานา) ในอดีตความสัมพันธ์ตอนที่เพิ่งแต่งงานกับดี วิเจียนั้น พวกเธอยังอยู่ในโลกเก่าของกัมพูชา ที่พวกเธอยังไม่มีอำนาจเสรีในหน้าที่การงานและการเงิน

บัดนี้ มาดามฮุนผู้ทรงเสน่ห์ทั้งสองดูจะทิ้งจริตอารมณ์แห่งความริษยาในรักและคู่ครอง มาเป็นการเรียนรู้อย่างใหม่ในเสรีภาพที่พวกเธอสามารถเล่นเกมบริหารเสน่ห์ด้วยตัวเอง โดยเฉพาะกรณีออกญาหนุ่มๆ ที่ผ่านเข้ามาและต่อความสัมพันธ์

แน่นอนว่า การที่สรัยนาไปเปิ๊ดสะก๊าดกับออกญาทั้งของตนและของพ่อแบบนั้น คือโลกแห่งความทันสมัยที่เกิดจากอุตสาหกรรมใหม่ของกัมพูชา นำมาซึ่งความเป็นตัวตนแบบใหม่ของทายาทตระกูลฮุน ซึ่งแต่เดิมถูกอบรมให้อยู่ในจารีตและขนบเขมรเดิม

แต่สิบกว่าปีมานี้ สรัยนาที่เติบกล้าในการลงทุนร่วมนักออกญาหนุ่ม จนถึงกับทำให้เธอต้องลงไปแย่งชิงที่ดินผืนงามซึ่งมีออกญาอาวุโสครอบครอง

แน่นอน สรัยนาสามารถต่อกรกับออกญาแก่ๆ ที่เคยอุดหนุนการเงินให้บิดาของเธอเหล่านั้น ซึ่งวิธีที่ทำให้เธอสามารถครอบครองสมบัติที่ดินผืนงามที่นับวันจะมีมูลค่าในเขตเศรษฐกิจ ได้สร้างความอึดอัดให้เศรษฐีบางคน จนกลายเป็นความมึนตึงระหว่างออกญาเพื่อนพ่อ (สมเด็จ) กับออกญาเพื่อนลูก (สรัยนา)

ตัวอย่างคือ กรณีทอง สารัต ที่ถูกเม้าธ์ว่าพัวพันกับการเสียชีวิตของออกญาอึง เมงจือ โดยมือปืนคนหนึ่งซึ่งคล้ายกับอดีตบอดี้การ์ดของทอง สารัต

ในวังวนแห่งนอมินีที่น่าประหลาดนี้ พบว่าโปรเจ็กต์ที่ดินผืนงามที่สรัยนาได้จากอึง เมงจือ และนำมาพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ต่อนี้ กลับมีผู้ถือครองคือเขียว ซีหลาบ-ภรรยาของมึง กุมเพียะ และเป็นอดีตสามีของเธอเอง

ในวังวนแบบนั้น ทอง สารัต ยังถือครองธุรกิจบางอย่างร่วมกับสรัยนาจึงครองสถานะโสด ตราบนั้นที่สรัยนายังไม่อนุมัติให้ออกญาคนนี้ไปมีคู่ครอง

นับเป็นการสร้างระบบ “ว่านเครือ” ในแบบ “องคาพยพ” ใหม่ที่แม้แต่พ่อของเธอยังตกตะลึงต่อวิธี “ดองญาติ” ในแบบสรัยนา

นั่นคือ เมื่อบิดาได้สร้างบรรดาศักดิ์แก่ออกญาเพื่อเป็นฐานโครงข่ายทางการเงิน ฮุน มานา ทายาทก็ส่งต่อองคาพยพบิดาอย่างน่าพิศวงในแบบฉบับของสตรีที่มีความพิเศษ

และคือวิธีที่ฮุน มานา รักษาความมั่งคั่งแก่ว่านเครือตระกูลฮุน

 

อีกนัยหนึ่ง ฮุน เซน ยังเป็นนักการเมืองที่ต่อต้านกลุ่มรักร่วมเพศ (Homosexual) อย่างสุดโต่งคนหนึ่ง

ในปี พ.ศ.2550 ท่ามกลางหมู่นิสิต นักข่าวและผู้มาร่วมแสดงความยินดีในพิธีประสาทปริญญาบัตรนับพัน สมเด็จฯ ฮุน เซน ได้ประกาศต่อสาธารณะอย่างฉุนเฉียวและเต็มไปด้วยอารมณ์โกรธ

เขาโกรธ “ฮุน มาลิส” บุญสาวบุญธรรมที่เขาและภริยารับเลี้ยงดูมาตั้งแต่แบเบาะ

และเมื่อเธอเติบใหญ่ เขาไม่อาจทำใจได้ที่ฮุน มาลิส เป็นเลสเบี้ยน หญิงรักหญิง ที่แอบไปแต่งงานกับเพื่อนหญิงเพศเดียวกัน

“ลูกสาวผมมันแต่งเมีย นิสัยของมันช่างวิปริตผิดมนุษย์” สมเด็จฯ ฮุน เซน กล่าวตัดพ้อในความโชคร้ายของตน (พนมเปญโพสต์/2007)

แน่นอน งานรวมญาติครั้งสุดท้ายของฮุน มาลิส นั่นคืองานแต่งฮุน มาลี-สก พุฒิวุธ เมื่อ 10 ปีก่อน หลังจากนั้น เรื่องธรรมดาในชีวิตของมาลิสที่พิสดารในสายตาของฮุน เซน

ก็ถูกลบเลือนไปจากความเป็นสมาชิกตระกูลฮุนแห่งกัมพูชา