แม่หวาน ละมุนมัม : ความจำสีรุ้ง บ้านสวนธรรม (47)

คอลัมน์ปรุงในครัวทัวร์นอกบ้าน

อาหารใดไหนจะเลิศรสเท่าอาหารเราชาวเอเชียนั้นเป็นไม่มี ดังนั้น การเดินทางท่องแถบยุโรป หรืออเมริกา จึงต้องมีทักษะในการปรุง หรือการดัดแปลงวัตถุดิบให้ปรุงได้ใกล้เคียงกับรสที่เราถูกปากมากที่สุด เพราะเรานั้นคือชนเผ่าช่างคิด ช่างประดิดประดอยรสชาติได้ชาญฉลาดกว่าพวกฝรั่งมากมาย

–สุยดา วันนี้มีเทมปุระ และปวยเล้ง (โฮเลงโซ) ลวกแช่เย็นนะ อย่าลืมใส่ผงปลาคัสสึโอ (ปลาโอ) และโชยุก่อนกินนะ

ซาโตชิหนุ่มรุ่นน้องหุ่นเพรียวลม จมูกโด่งเป็นสันเด่นที่สุดในใบหน้า ผิวไหม้เกรียมจากการอาบแดดที่ฮาวายรับกับเส้นผมที่อ่อนนุ่มแสกกลางของเขายิ่งนัก

ซาโตชิเอามือเสยผมรวบจากด้านหน้าไปด้านหลังอย่างรวดเร็วก่อนที่เส้นผมอ่อนนุ่มนั้นจะกลับมาปรกหน้าอีกครั้ง เขาส่งยิ้มให้ฉันที่กำลังนอนอย่างสุขสบายอยู่บนเตียง ก่อนย้ำเตือนว่า

–อย่าลืมลุกขึ้นมากินนะ เดี๋ยวจะไม่อร่อย

 

ยามนอนฉันก็นอน ไม่ค่อยอยากจะตื่นมากินอาหารเช้าสักเท่าไร แต่เมื่อสายตาเริ่มเข้าที่ เริ่มชัดเจนขึ้นก็เห็นว่าเขาแต่งตัวเตรียมออกไปมหาวิทยาลัยเรียบร้อยแล้ว จึงค่อยๆ อิดเอือนลุกขึ้นช้าๆ

เขายิ้มกึ่งหยอกล้อด้วยเขี้ยวน่ารักตรงมุมปาก เขากวาดสายตาหวานฉ่ำภายใต้แว่นดำหนาไปทั่วห้องจนเชิญชวนให้ฉันนึกถึงดาราชายชาวญี่ปุ่นที่ชื่อ คิมูรา ทาคุยะ ขึ้นมาทันที

หรือจะเป็นญาติกัน? ฉันแอบสงสัยมาโดยตลอด แต่ก็ไม่กล้าถาม ด้วยเกรงว่าจะโดนเขาบ่นว่าบ้าดารา

หรือไม่ก็เกรงว่าจะถูกบ่นว่าฉันชอบเขาเพราะหน้าตาล้วนๆ

 

วันแรกที่โรงเรียนสอนภาษาในมหาวิทยาลัยฮาวาย (University of Hawaii at Manoa) ผู้คนหลายชาติหลายภาษาต่างพากันมายืนเอาแดดอยู่บนลานกว้างหน้ามหาวิทยาลัยเพื่อรอฟังผลสอบ และเข้าสู่การแบ่งห้องแบ่งระดับชั้นเรียน

ฉันจบสายวิทยาศาสตร์ ฉันเรียนวิศวะคอมพิวเตอร์ในมหาวิทยาลัยของญี่ปุ่น ฉันมาเรียนภาษาที่ฮาวายเพื่อการผ่อนคลาย ไม่ได้จริงจังกับการสอบมากนัก

เมื่อการสอบวัดระดับจบสิ้นลงจึงเดินชิลๆ ออกมาจากห้องสอบที่เคร่งเครียด พลันสายตาก็กระทบกับแสงอันอบอุ่นที่ห่อหุ้มคนทั้งลานกว้างให้รีแลกซ์และผ่อนคลาย หลายกลุ่มจับตัวกันแน่นหนา 7-8 คน หลายกลุ่มกระจายทักทายกัน

ฉันผู้ซึ่งมีมนุษยสัมพันธ์ไม่ถึงกับดีมากนัก เลือกที่จะยืนแอบแสงแดดอยู่คนเดียวใต้ร่มไม้

สายตาฉันได้พบกับชายหนุ่มคนหนึ่งที่ช่างแตกต่างกับคนอื่นๆ ดูเขารีแลกซ์ คุ้นเคยสถานที่ มีเพื่อนมากมายหลายกลุ่ม ที่สำคัญเสื้อยืดสีขาวผ่องกับกางเกงยีนส์สีซีดช่างลงตัวกับเขาที่สุด สายตาฉันไม่ได้วอกแวกไปที่อื่นอีกแล้ว

นอกจากจ้องตรงมาที่เขาอย่างไม่ละสายตา

 

–ผลสอบวัดระดับออกแล้ว ไปดูรายชื่อได้ตามห้องต่างๆ ที่แปะไว้

เสียงจากไมโครโฟนประกาศให้ทราบโดยทั่วกันก่อนที่ผู้คนในลานกว้างจะขยับขยายเคลื่อนตัวกันไปยังห้องต่างๆ

ฉันคาดหวังว่าตัวเองน่าจะอยู่แค่ขั้นพื้นฐานจึงเดินไปดูรายชื่อตัวเองในห้องต้นๆ ก็ไม่เจอ จึงเดินตรงมายังห้องที่มีระดับสูงขึ้นก็อดแปลกใจไม่ได้ ที่มีชื่อตัวเองแปะอยู่

–โอ้ ว้าว ใช่ย่อยแฮะเรา 555

ฉันคิดในใจก่อนทำหน้าตาซีเรียสเดินเข้าห้องไปนั่งหน้าสุดของเก้าอี้เล็กเชอร์ที่จัดเป็นตัวยู (U) คุณครูที่มาจากนิวยอร์กชื่อเคน นั่งคอยเช็กชื่ออยู่บนโต๊ะหน้าห้องเรียบร้อยแล้ว

ที่นั่งข้างๆ ฉันคือสาวน้อยจากสเปนชื่อแอนนาเธอยิ้มหวานให้ฉันก่อน ฉันจึงเลือกนั่งข้างหน้าใกล้เธอ

–เย้ๆ

ฉันได้ยินเสียงคนญี่ปุ่น 3-4 คนที่นั่งอยู่ด้านหลังกรี๊ดกร๊าดกันพร้อมๆ กับชายหนุ่มเสื้อขาวกางเกงยีนส์ผมสีน้ำตาลอ่อนปรกหน้าเดินเข้ามาในห้องด้วยสายตาเบื่อๆ เซ็งๆ

–เรียนห้องเดิม ระดับเดิมอีกแล้ว

ฉันได้ยินเสียงภาษาญี่ปุ่นเขาพูดดังขึ้น อ้าว ซ้ำชั้นเหรอนี่?

 

หลังแนะนำตัวกันเสร็จสรรพเรียบร้อย เคนก็บอกกับนักเรียนว่านักเรียนมีสิทธิ์ย้ายห้องได้ถ้าคิดว่าระดับไม่ตรงกับที่คาดไว้ แต่ต้องไปบอกเหตุผลกับครูใหญ่ด้วยตัวเอง

–ย้ายห้องกันไหม? แอนนาชวนฉันทันที

–ทำไม?

ฉันงง เพราะห้องเราก็ดีอยู่แล้ว ระดับก็สูงพอควร คุณครูก็ไม่ได้แย่ แต่เหมือนทุกคนมั่นใจว่าตัวเองจะต้องย้ายไปสู่ระดับที่สูงกว่า ฉันจึงร่วมขบวนไปกับแอนนา

นักเรียนออกันหน้าห้องครูใหญ่หลายสิบคน แต่ส่วนมากครูใหญ่จะคุยโน้มน้าวจนไม่ค่อยมีใครเปลี่ยนห้อง ฉันไม่คิดจะเปลี่ยนห้อง แต่ฉันชอบความท้าทาย เจออะไรใหม่ๆ ลองทำอะไรที่แตกต่างจากชีวิตในกรอบของสังคมญี่ปุ่น

ฉันได้เปลี่ยนห้องสำเร็จ! เหมือนครูใหญ่ไม่ได้ดูความเก่งกาจเรื่องภาษา แต่ดูเรื่องแนวคิด แอนนาไม่สามารถเปลี่ยนได้ เธอหน้านิ่วคิ้วขมวด

–สุยดา เราต้องแยกห้องกันแล้วนะ

 

ฉันเดินกลับเข้าห้องสายกว่าคนอื่นเพราะกินเวลาคุยกับครูใหญ่นานพิเศษ เคนก็เตรียมหนังสือไว้คอยฉันเพื่อนำไปยังห้องใหม่ที่ระดับสูงกว่า

–พวกเราคงเหงา

เคนพูดเบาๆ ถึงแม้ช่วงเวลาแค่ชั่วโมงกว่าๆ ที่ได้พูดคุยกัน ได้แนะนำตัวกันนั้นดูสั้นนิดเดียว แต่ความผูกพันกันได้เริ่มเกิดขึ้นแล้ว แน่นอนความเหงาจึงบังเกิด

–ใครบอกว่าฉันจะย้ายห้องคะ?

หลายคนในห้องรวมทั้งเคนทำหน้างงงวย

–ก็เธอมีสิทธิ์ย้าย?

ใช่ ฉันมีสิทธิ์ย้าย และฉันก็ไปสำรวจห้องนั้นมาเรียบร้อยแล้วด้วย แต่ละคนหน้าดำคร่ำเครียด ตั้งหน้าตั้งตาเรียนกันอย่างเอาเป็นเอาตาย แล้วฉันจะไปอยู่แบบนั้นทำไม ฉันมาเพื่อพักผ่อน ฉันจึงเลือกห้องเดิมโดยไม่ได้คิดมาก

–ฉันมีสิทธิ์เลือกห้องเดิมได้ใช่ไหมคะ?

–เย้ๆ

ดูเพื่อนๆ ทั้งชาวเกาหลีและญี่ปุ่นยินดีกับฉันมากกว่าตอนที่หนุ่มเสื้อขาวกางเกงยีนส์เดินเข้ามาอีก คงเพราะฉันพูดได้หลายภาษาและพวกเขาก็คิดว่าฉันคือคนในกระมัง

 

–ฉันดีใจมากที่เธอเลือกห้องนี้ ฉันจะตั้งใจสอน

เคนดีใจอย่างออกนอกหน้าซึ่งฉันก็งง แต่เหตุผลของเคนคือฉันคุยรู้เรื่องที่สุดในห้อง ซึ่งในที่นี้ไม่ได้หมายความว่าฉันเก่งภาษาแต่อย่างใด แต่หมายความว่าฉันสามารถคุยกันแบบผู้ใหญ่ได้นั่นเอง และคงจะเป็นเช่นนั้นเพราะอายุฉันก็แก่กว่าหลายคนในห้อง

นักเรียน 14 คนในห้องสนิทสนมกันอย่างรวดเร็ว แต่ฉันก็ไม่เคยคุยกับหนุ่มเสื้อยืดสีขาวที่แต่งตัวดีมาโรงเรียนทุกวันพร้อมรถยนต์โบราณคันใหญ่เทอะทะประจำตัว

ฉันทราบแต่ว่าเขาชื่อ ฮายาเซะ ซาโตชิ มีคอนโดฯ ส่วนตัวอยู่ริมทะเล และอยู่ฮาวายมา 3 ปีแล้ว โอ้ ใช่ค่ะมันยาวนานมากเมื่อเทียบกับฉันที่เพิ่งมาเมื่อ 3 วันก่อน

ซาโตชิไม่ใช่คนฉลาดปราดเปรื่อง แต่เป็นคนรอบรู้เรื่องเพลงคลาสสิค เรื่องการช้อปปิ้งเลือกซื้อเสื้อผ้าข้าวของ เรื่องร้านรวงหรูๆ และอาหารการกิน

เขาจะตั้งใจทำอาหารทุกจานเสิร์ฟเพื่อนรักที่แวะเวียนมาห้องเขา

ฉันไม่เคยเห็นผู้ชายที่พยายามดึงเอาผักปวยเล้งแต่ละใบออกมาล้าง ออกมาหั่น

ฝีมือเขาช่างดูประณีตและเรียบง่ายยิ่งนัก

ยิ่งงานทอดเทมปุระแสนอร่อยด้วยแล้วเป็นอะไรที่ยากที่สุด ฉัน เอริ ทานากะ มารวมตัวกันที่ห้องซาโตชิและจัดปาร์ตี้เทมปุระกันอย่างชื่นมื่น พวกเรากินกันอย่างเมามัน

แต่ซาโตชิใจเย็นมาก ค่อยๆ ปรับไฟ ค่อยๆ ทอด ค่อยๆ พลิกด้าน สายตาอันมั่นคงที่จดจ่ออยู่แต่ในหม้อทอดเทมปุระช่างมีเสน่ห์เหลือร้าย เส้นผมที่มีเหงื่อจากความร้อนผสมผสานบ้างพอเห็นเป็นประกายแวววาวก็ดูเซ็กซี่

จนฉันต้องนอนค้างเพื่อจะได้กินอาหารเช้าที่เขาทำไว้ให้อีกหนึ่งมื้อ