กรองกระแส/อุปสรรค ขวากหนาม บนเส้นทางแห่งอนาคตใหม่ ต่อสู้ทาง ‘ความคิด’

กรองกระแส

อุปสรรค ขวากหนาม

บนเส้นทางแห่งอนาคตใหม่

ต่อสู้ทาง ‘ความคิด’

พลันที่พรรคอนาคตใหม่ปรากฏตัวขึ้นอย่างเป็นทางการนับแต่วันที่ 15 มีนาคม เป็นต้นมา ความเห็นและบทสรุปต่ออนาคตของพรรคอนาคตใหม่ก็เป็นไปอย่างเข้มข้น
แนวทาง 1 มองเห็นด้านที่อับจน ไม่เห็นหนทางสดใส
แนวทาง 1 มองเห็นด้านที่สดใส เท่ากับเป็นการจุดประกายแห่งความหวัง ในการที่จะไปดำรงอยู่ในจุดอันเป็น “อนาคตใหม่” อย่างแท้จริง
นี่คือมุมมองที่ “สุดโต่ง” ต่ออนาคตของ “พรรคอนาคตใหม่”
สะท้อนความแตกต่างไปจากการเกิดขึ้นของบางพรรคการเมืองในกาลอดีต ไม่ว่าจะเป็นพรรคพลังใหม่ในสถานการณ์หลังเดือนตุลาคม 2516 ไม่ว่าจะเป็นพรรคพลังธรรมในสถานการณ์อับตันทางการเมืองเมื่อปี 2531
ขณะเดียวกัน การปรากฏขึ้นของพรรคอนาคตใหม่ก็สะท้อนและยืนยันให้เห็นถึงมิติและสถานการณ์ใหม่ทางเศรษฐฏิจ การเมืองและวัฒนธรรมอย่างเด่นชัด
เป็นรูปธรรมยืนยันถึงปัญหาอันดำรงภายใน “ทศวรรษที่สูญหาย” อย่างเป็นจริง
การทำความเข้าใจต่อกระบวนการแห่งพรรคอนาคตใหม่จึงสัมพันธ์อย่างแนบแน่นกับ “ทศวรรษที่สูญหาย” อย่างมิอาจปฏิเสธได้

เริ่มต้น ว่างเปล่า
มุมมอง ที่สิ้นหวัง

เหตุปัจจัยอะไรทำให้เกิดมุมมองต่อพรรคอนาคตใหม่ในเชิงว่าไม่น่าจะมีอนาคต เพราะว่าองค์ประกอบของพรรคการเมืองนี้แยกขาดจากประสบการณ์และความจัดเจนเดิมอย่างสิ้นเชิง
1 คือไม่มีนักการเมือง “เก่า” มีแต่คนรุ่นใหม่
1 คนรุ่นใหม่ที่ว่าก็เป็นคนรุ่นใหม่ที่เติบโตในยุคเศรษฐกิจเฟื่องฟูก่อนฟองสบู่แตก และบางส่วนก็แยกขาดจากคนรุ่นเก่าอย่างสิ้นเชิง
ไม่ว่าจะเป็นนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ไม่ว่าจะเป็นนายเปรมปภัทร ผลิตผลการพิมพ์
นี่ย่อมแตกต่างไปจากการสร้างพรรคการเมืองในแบบพรรคชาติไทย พรรคกิจสังคม เมื่อปี 2518 การสร้างพรรคพลังธรรมในปี 2531 การสร้างพรรคความหวังใหม่ในปี 2535 การสร้างพรรคไทยรักไทยในปี 2541
ทำให้พรรคอนาคตใหม่ขาดรากฐานจากนักการเมืองเก่า ขาดรากฐานจากเทคโนแครตเก่า
พรรคการเมืองแบบนี้จะสามารถสื่อสารได้ก็แต่กับคนรุ่นใหม่ด้วยกัน แต่จะเป็นปัญหาทันทีเมื่อเสนอตัวเข้าสู่ประชาชนเพื่อแปรให้เป็นมวลชนในความเป็นจริงของตน
อาจจะได้รับความสนใจใน “มหานคร” แต่หยั่งไม่ถึง “ชนบท” อันกว้างไพศาล

เริ่มจาก ความเป็นจริง
มิติแห่ง “อนาคตใหม่”

ต้องยอมรับว่าองค์ประกอบของพรรคอนาคตใหม่เป็นผลิตผลของสังคมยุคใหม่ สังคมที่เติบโตมากับเกม สังคมที่เติบโตมากับคอมพิวเตอร์ ทะยานจากยุคอนาล็อกมาสู่ยุคดิจิตอล
ธุรกิจที่นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ สัมพันธ์เป็นธุรกิจที่ก้าวไปสู่ยุคปัญญาประดิษฐ์
สังคมที่องค์ประกอบของพรรคอนาคตใหม่เติบใหญ่มา ไม่ว่าจะมองในด้านเยาวชน ไม่ว่าจะมองในด้านของความคิด เขาอยู่ในยุคแห่งการเปิดกว้างของไอที ลัทธิเสรีนิยม การยอมรับความหลากหลาย
ทั้งหมดนี้ล้วนแปลกแยกกับความคิดเก่า สังคมเก่า
พื้นที่ของพรรคอนาคตใหม่จึงเริ่มต้นในโลกของอินเตอร์เน็ต ออนไลน์ มวลชนที่แวดล้อมด้านหลักเป็นคนรุ่นใหม่อายุระหว่าง 15-25 ปี อันเพิ่งรับรู้ความเป็นจริงของสังคมก่อนรัฐประหารเมื่อเดือนกันยายน 2549 และหนักหนาสาหัสจากรัฐประหารเมื่อเดือนพฤษภาคม 2557
ปัญหาของพวกเขามิได้อยู่ที่จะทำอย่างไรให้พรรคอนาคตใหม่เป็นที่ต้อนรับในสังคมวงกว้างประการเดียว หากที่สำคัญเป็นอย่างมาก เขาจะสามารถเชื่อมรากฐานของพรรคให้เข้ากับการพัฒนาเติบใหญ่ของประเทศที่กำลังพัฒนาไปสู่ “ไทยแลนด์ 4.0” อย่างไร
และที่สำคัญเป็นอย่างมากก็คือ เขาจะต้านยันปฏิบัติการทำลายจากคนในยุคเก่า การเมืองเก่า และอนาคตแบบเก่าอย่างไร
หนทางแห่งอนาคตจึงเลี้ยวลด คดเคี้ยวและจำเป็นต้องใช้เวลา

ประดิษฐกรรม การเมือง
เส้นทาง Start Up

ไม่ว่าจะมองด้วยสายตาอันมากด้วยความหวังสักเพียงใด แต่เส้นทางของพรรคอนาคตใหม่มิได้ทอดวางอยู่บนพรมแดงผืนใหญ่อย่างแน่นอน
การเสาะหาคนร่วมยุคร่วมสมัยก็ยากแค้นแสนเข็ญอยู่แล้ว
การทำความเข้าใจโดยการสร้างสะพานเชื่อมไปสู่สภาพความเป็นจริงของสังคมไทยที่ยังล้าหลังในทางความคิดและมีปริมาณอย่างมหาศาลในขอบเขตทั่วประเทศ ยิ่งมีความยากลำบากและมากด้วยอุปสรรคขวากหนามนานัปการ
โดยเฉพาะความจำเป็นในการวางรากฐานในพื้นที่ชนบทอันมีปริมาณมหาศาลล้อมรอบพื้นที่เมืองและเมืองใหญ่
การเสนอความคิดใหม่ อนาคตใหม่เป็นเรื่องดีและยอดเยี่ยม
แต่ที่สำคัญและทรงความหมายมากยิ่งกว่าคือ การทำนามธรรมแห่งความคิดให้เป็นรูปธรรมในทางการปฏิบัติที่เป็นจริง สัมผัสและแตะต้องได้ มิได้เป็นเพียงโวหารอันว่างเปล่าและกลวง