วิถีแห่งอำนาจ เอี้ยก่วย/เสถียร จันทิมาธร/น้ำใจ ไมตรี เอี้ยก่วย (131)

เสถียร จันทิมาธร

วิถีแห่งอำนาจ เอี้ยก่วย
เสถียร จันทิมาธร

น้ำใจ ไมตรี เอี้ยก่วย (131)

บรรยากาศภายในโบสถ์เต้งเอี้ยงเตี้ยงกับภายนอกแตกต่างกันราวกับอยู่คนละโลก ภายนอกอาจเต็มไปด้วยความเคียดแค้น ภายในกลับมากด้วยความชื่นมื่น
เอี้ยก่วยบังเกิดความคิด
“ตอนนี้เรา 2 แต่งงานเป็นสามีภรรยากันแล้ว ต่อให้ต้องตายในบัดดลก็ปราศจากความคับแค้นเสียใจ”
ความคิดระวังป้องกันพลันเสื่อมคลาย
“ข้าพเจ้าเป็นศิษย์ทรยศของสำนักช้วนจิน ทั่วทั้งบู๊ลิ้มล้วนทราบดี ท่านก็เป็นศิษย์ทรยศคนสำคัญ”
เอี้ยก่วยทรยศต่อช้วนจินก้าเป็นที่เข้าใจ แต่เซียวเล้งนึ่งทรยศอย่างไร ยังไม่แจ้ง
“ถูกแล้ว” เป็นเสียงสำนองรับจากเซียวเล้งนึ่ง “ซือแป๋ไม่อนุญาตข้าพเจ้ารับศิษย์บุรุษ ห้ามมิให้ข้าพเจ้าแต่งงาน ข้าพเจ้าไม่ได้ปฏิบัติตามแม้สักข้อเดียว พวกเราประสบเคราะห์กรรมซ้ำซ้อนนับว่ามีความผิดสาสม”
“ทรยศก็ทรยศถึงที่สุด” เป็นคำประกาศจากเอี้ยก่วย
“เต้งเอี้ยงโจ้วซือกับโจ้วซือพั่วพั้วเป็นยอดยุทธ์ วีรสตรี เหนือล้ำกว่าเราท่านร้อยเท่า แต่พวกท่านทั้ง 2 ยังไม่กล้าแต่งงาน หากโจ้วซือทั้ง 2 อยู่ในปรภพมีญาณรับรู้ไม่แน่ว่าจะตำหนิด่าว่าพวกเราไม่ถูกต้อง”
พูดมาถึงตอนนี้บนเพดานโบสถ์ก็บังเกิดเสียงดังกัมปนาท เศษกระเบื้องปลิวเวียนว่อน ไม้ระแนงหักโค่นลง

นี่ย่อมเป็นการบันดาลจาก “ภายนอก” มิใช่ว่าเป็นความไม่พอใจ เกรี้ยวกราดจากเต้งเอี้ยงโจ้วซือและโจ้วซือพั่วพั้วแต่อย่างใด
เป็นเล่าชูเฮี้ยงขบคิดขึ้น
กระซิบข้างหูคูชู่กี เฮ้งชูอิด ฮักไต้ทง อันเป็นนักพรตเบื้องสูงของสำนักช้วนจิน ทั้ง 3 ผงกศีรษะรับสั่งเบาๆ ต่อศิษย์ ช่วงชิงโอกาสปลีกตัวไปยังโบสถ์หน้าปลดระฆังทองเหลืองใหญ่น้ำหนักกว่า 1,000 ชั่งลง
แล้ว 4 บรรพชิตแยกย้ายกันยกลอยตัวขึ้นบนหลังคาโบสถ์คำนวณตำแหน่งมั่นเหมาะทุ่มทะลวงหลังคาแตกเป็นช่องใหญ่
เป้าหมายคือโถมทับใส่ซุนปุกยี่
ขอเพียงครอบซุนปุกยี่อยู่ภายใน เอี้ยก่วยยามกะทันหันมิอาจทำร้ายนางได้ เหล่านักพรตพอฮือเข้าไปหนุ่มสาวทั้ง 2 ไยมิใช่ต้องรามือรอความตาย
สถานการณ์กลับมิได้เป็นตามคาด

เอี้ยก่วยพอเห็นระฆังร่วงลิ่วลงมาก็ล่วงรู้ความนัยชักกระบี่หนัก ไร้คม แทงออกไปด้วยอานุภาพปานพายุอสนี ได้ยินเสียงดังตัง จากนั้นเป็นเสียงสะท้อนอึงอลเมื่อปลายกระบี่แทงถูกระฆัง
พลันเบี่ยงเบนกลางอากาศแฉลบไป 2 เชี้ยะ
หากเป็นดังนั้นโอกาสที่จะโถมทับบนร่างของซุนปุกยี่มีสูงยิ่ง ทั้ง 4 นักพรตมองลงจากช่องแตกบนหลังคาเห็นชัดถนัดตาพากันอุทานด้วยความตระหนก บังเกิดความสะเทือนใจอย่างรุนแรง ล้ำลึก คาดคิดไม่ถึงว่ากระบี่ของเอี้ยก่วยกลับทรงพลังเพียงนี้
เห็นแน่ชัดว่าซุนปุกยี่ต้องถูกระฆังมหึมาทับกลับกลายเป็นเลือดเนื้อเลอะเลือน เฮ้งชูเอี้ยงเจ้าของความคิดต้องหลับตาลงไม่กล้ามอง พลันกลับได้ยินเสียงคูชู่กีโห่ร้องด้วยความยินดี
“ขอบคุณที่ยั้งมือไว้ไมตรี”
เพราะระฆังมหึมาใบนั้นยังคงครอบร่างซุนปุกยี่ไว้ที่ริมขอบระฆัง ทั้งปราศจากเศษแขนขาคราบโลหิต แม้แต่ชุดพรตของซุนปุกยี่ก็ไม่โผล่พ้นออกมา ที่แท้เอี้ยก่วยเห็นกระบี่ผลักเคลื่อนระฆังมหึมาออกไปซุนปุกยี่ต้องถูกกดทับตายแน่นอน
“วันนี้เป็นวันมงคลสมรสของเราไยต้องทำร้ายผู้คนถึงชีวิต” ความคิดพอบังเกิดก็โบกแขนเสื้อข้างขวาเรียดดินผลักดันอาสนะใต้ร่างซุนปุกยี่เคลื่อนที่ส่งนางไปยังใต้ระฆัง

การเคลื่อนไหวทั้งหมดของเอี้ยก่วยล้วนอยู่ในสายตาของ 4 บรรพชิตผู้ใหญ่แห่งสำนักช้วนจิน จึงทั้งแตกตื่นทั้งยินดี
เห็นว่าไม่สะดวกกับการตั้งตัวเป็นศัตรูกับเอี้ยก่วยอีก
กระนั้น บรรดาศิษย์ในสังกัดล้วนได้รับคำสั่งตั้งแต่แรก รอจนระฆังมหึมาร่วงหล่นก็บุกจู่โจมเข้าไป คนเหล่านี้อยู่นอกโบสถ์ไม่เห็นการเปลี่ยนแปลงใต้ระฆัง
ภายในการเคลื่อนไหว การเปลี่ยนแปลงสามารถเกิดขึ้นได้อย่างไม่ขาดสาย