การะเกต์ ศรีปริญญาศิลป์ : ทวีปที่สาบสูญ กรงนั้นมันหรือใครปิดหับ

มีกรงอยู่อันหนึ่ง

กว้างยาวถึงหลายศอกวา

ชุ่มฉ่ำด้วยน้ำตา

ของตัวข้าละเลงพื้น

มีตีนอยากปีนไต่

ไม่ทันไรก็พลัดคืน

กระชากอยากขัดฝืน

ก็จำกลืนรสขื่นแล้ง

คับแน่นแก่นอัดคอ

เหมือนอมตอกระซวกแรง

ยัดเยียดอยู่เสียดแทง

เลือดสีแดงตกกระทบ

เจ็บเอ๋ยจะเจ็บไปไหน

อีกนานเท่าไหร่ไฟจะโหมจบ

 

“อีพี่!”

เสียงพี่โฟแผดมาแต่ไกล

“ทำอะไรอยู่! กูเรียกแล้วเรียกอีก ไม่เห็นหัวสักที!”

ไม่ทันได้ขยับตัว ประตูก็เปิดผลัวะออก พี่โฟใช้ตีนถีบบานเข้ามา มองเห็นว่าสองมือหิ้วของพะรุงพะรังอยู่

“บอกให้มาช่วยกู! มาช่วยกู! มัวแต่นั่งเล่น_ีอยู่สิท่า!”

แทบจะถอนหายใจด้วยความเบื่อหน่าย ใช่จะไม่ได้ยินเสียง แต่ก็ไม่คิดว่าพี่โฟจะเดือดดาลถึงปานนี้ มองดูใบหน้า เหงื่อซกหน้าจนแก้มแดงก่ำ

“พูดกันดีๆ ก็ได้นี่พี่!” อดออกปากไปไม่ได้ “ทำไมต้องขึ้นเสียงกันด้วย”

“เออ! ขนาดกูพูดอย่างนี้ มึงยังนั่งอ้า_ีอยู่นั่น พูดกันกับงัวกับควาย จะให้ปากนิ่มปากนวลหาสวรรค์วิมานอันใด!”

“โว้ย!”

ฉันขว้างปากกาลงพื้น และผุดลุกขึ้น

“นี่จะอยู่กันดีๆ ไม่ได้เลยหรือยังไง! พี่จะหาเรื่องฉันไปถึงไหน! แล้วเมื่อไหร่จะเลิกพูดแต่เรื่อง_ีๆ ค_ยๆ ซะที!!”

 

เหมือนมีประกายไฟแลบแปลบปลาบอยู่ในสายตาพี่โฟ เมื่อฉันยืนส่องหน้า ก็เหมือนว่ากำลังประจันกันอยู่ แลเห็นถนัดถนี่ว่า แขนขาวนั้นมีเส้นเอ็นปูดโปนขึ้น คงจากนิ้วมือที่หงิกเกร็ง และข้าวของในถุงพลาสติก

เสียงดังโครม เมื่อพี่โฟโยนทุกอย่างลงพื้นบ้าง

“ถ้ามึงว่านอนสอนง่าย กูรึจะต้องปากเปียกปากแฉะกับมึง!”

มีไก่ มีหน่อไม้ มีผักอะไรต่อมิอะไรอีกมากมายในถุงแซ่วเป็นสิบใบ

พี่โฟไปจ่ายตลาดมาจากไหน และจะเอามาทำไม คิดจะถาม แต่ก็สิ้นความต้องการจะพูด

“ไปไหนอีพี่!”

หันหลังจะเดินออก พี่โฟก็เรียกเสียงแข็ง

“มึงไปไหนไม่ได้ ต้องอยู่ช่วยกู!”

ต้องถอนใจเหยียดยาวเป็นครั้งที่เท่าไหร่ หมุนตัวกลับไปหาพี่สาวร่วมพ่อ

ข่มกลืนความรู้สึกลงอก

“พี่จะทำอะไร”

“กูได้ที่ทำกินแล้ว จากนี้ไปจะทำของกินขาย! ไปบอกผัวมึงด้วยว่า จากนี้ไป วันไหนพอมีเวลา มึงก็ต้องมาช่วยกู!”

“เขาคงไม่…”

“ไม่รู้ละ ใจคอมึงจะให้กูทำงานงกๆ คนเดียวก็ตามใจ วันใดกูหน้ามืดต้าวล้ม! เอาหน้าซุกเข้าเตาไฟ บาปเวรจะติดตัวมึงไปตลอดชาติ!”

 

…เจ็บเอ๋ยจะเจ็บไปไหน

อีกนานเท่าไหร่ไฟจะโหมจบ

นานไหมกว่าจะได้พบ

ความสุขสงบอิสระเสรี

ชีวิตที่ติดในคอก

หากจะพ้นออกมีสักกี่วิธี

คอกคุกแคบทุกข์อย่างนี้

กี่วันเดือนปีกูถึงจะหลุดพ้น

ถามอกก็สะทกโดดเดี่ยว

หรือกูคือสัตว์เปลี่ยวเที่ยวคาบซากลากหล่น

ได้กินต่อเมื่อต้องดิ้นรน

เป็นหมาข้างถนนไม่ใช่คนอย่างเขา

“มึงเอาใบกะเพรามาให้กูหน่อย…เอามาเร็วๆ!”

เสียงตะหลิวกระทบขอบกระทะโคร้งเคร้ง สลับกับเสียงตะโกนออกปากพี่โฟ

เหงื่อซึมขมับ ร้อนจนออกหัวออกหู อากาศอบอ้าวจนเหนอะหนะไปหมด แต่เหลียวมองรอบตัว ในเพิงผุๆ มุงด้วยสังกะสี ยังมีงานมากมายให้ต้องจัดการ

ผักกาดขาว กะหล่ำปลี ผักคะน้า สุมกองอยู่ในตะกร้า กะละมังถังเปลใบใหญ่ ต่อสายยางวางพาด น้ำจากก๊อกก็อ่อนแรงเหมือนดั่งน้ำเยี่ยว เป็นปีเป็นชาติยังได้แค่ครึ่งค่อน

ร้อน เหนื่อย เบื่อ นั่นคือความรู้สึกของฉัน

วันใดออกจากร้านหนังสือมาเร็ว แทนที่จะได้ไปนอนอ่านเขียนสมุด ก็ต้องมาจมอยู่ที่นี่

“ขะใจ๋ อีพี่!”

หากมองอย่างคนอื่น พี่โฟคงเป็นตัวอย่างของนักสู้ผู้ไม่ยอมแพ้ เป็นคนเก่ง คนขยัน ตกเลือดเกือบตายมาแท้ๆ ยังลุกขึ้นมาทำมาหากิน ไม่ยอมงอมืองอเท้าพึ่งใคร เพียงแต่…จะว่าไม่โอดครวญต่อชะตาชีวิตก็คงไม่ใช่ คืนไหนเมาเซี่ยงซุนได้ที่ เหมือนมีละครวิทยุอยู่ในห้อง

หูฉันเป็นต้องอึงอลแสบไหม้ไปกับคำแช่งๆ ด่าๆ รวมถึงการสาธยายเรื่องความโชคร้ายของตัวเอง

ที่สำคัญ…โชคร้ายที่มีฉันเป็นน้องนอกท้อง

 

“ทําไมกูต้องมาอยู่กับมึง!” ไม่ใช่ครั้งแรกที่พี่โฟจะยกคำขึ้นมา

ซึ่งพอจะอ้าปากตอบ ต้องได้ยินต่อว่า

“…เพราะกูน่ะหวังดีกับมึง!”

“พอเถอะพี่ เมาแล้วก็ไปนอนเสีย”

หลายต่อหลายครั้ง พยายามจะตัดบทให้จบกันไป ก็ไม่เคยทำได้สำเร็จ

“มึงไม่ต้องสลิดมาสอนกู อีพี่!”

“ฉันก็ไม่อยากยุ่งกับพี่! แน่จริงก็ให้ฉันไปอยู่ที่อื่นสิ”

“ทุ้ย!” น้ำลายเหนียวๆ พ่นเฉียดหน้าไปสักคืบหนึ่ง “มึงมันอู้ง่าย คนไม่มีความกตัญญูรู้คุณ กูน่ะ อุตส่าห์ช่วยเหลือเกื้อกูล เห็นแก่หัวอกแม่มึง…ใจมึงซิ คิดแต่จะเอาตัวรอดคนเดียว สันดาน!”

“พี่พูดกับฉันดีๆ ได้มั้ย!”

“ไม่ กูไม่พูดดีกับมึง เพราะมึงมันปัญญาอ่อนเหมือนควาย!”

คำลงท้ายเน้นเสียงอย่างหนักแน่นดังลั่น…และมันก็เกิดขึ้นอีกซ้ำๆ ครั้งแล้วครั้งเล่าที่เราทะเลาะกัน พี่โฟด่าฉัน ฉันโต้เถียงพี่โฟ แต่พอโมโหใส่กันมากๆ

พี่โฟก็มักจะเป็นลม

ยังนึกไม่ออกว่า มันเริ่มมาตั้งแต่เมื่อไหร่ ที่จู่ๆ วันหนึ่ง พี่โฟก็กลายเป็นคนคุ้มดีคุ้มร้าย ยามธรรมดาจะทำงานทำการขยันขันแข็งสิ้นดี แต่พอเมาได้ที่เมื่อไหร่เหมือนกลายเป็นอีผีบ้าคนหนึ่ง

และ…หากครั้งใดที่ออกปากว่าจะไม่อยู่แล้ว…หรือแน่วแน่จะย่างขาออกห้อง พี่โฟจะมีอันตาเหลือกตาปลิ้น ตัวอ่อนทรุดกอง จนต้องหันหลังกลับมาประคอง เขย่าตัวร้องเรียกชื่อ

 

มันเกิดขึ้นได้อย่างไร

เหมือนการที่วันหนึ่ง นายจ้างรัดคอฉันเข้าให้ด้วยสายเข็มขัดเก่าๆ เหม็นสาบ และบอกฉันถึงความลับที่มันเองก็ซ่อนไว้

ตัวมันสุดแสนจะพอใจ คราวแอบได้ยินเสียงครางหอนของฉัน

และตั้งแต่นั้น มันเองมักตัวสั่นสะท้านด้วยความรื่นรมย์ เมื่อได้กระชากเส้นผม

บังคับควบขี่ฉันจากข้างบน

 

…ถามอกก็สะทกโดดเดี่ยว

หรือกูคือสัตว์เปลี่ยวเที่ยวคาบซากลากหล่น

ได้กินต่อเมื่อต้องดิ้นรน

เป็นหมาข้างถนนไม่ใช่คนอย่างเขา

เจ็บเอ๋ยเมื่อไรเลยจะหาย

เป็นได้ไหมความตายจะคลี่คลายความเศร้า

ทุรณอยู่บนความว่างเปล่า

ทุกกระทำชำเราเข้าชำแรกแทรกมิด

กรงนั้นมันหรือใครปิดหับ

แล้วใครจูงกูจับทำเหมือนกูผู้ผิด

โลกนั้นมันหรือใครควบคุม

ทุกมือหยาบจับกุมในขุมมืดสนิท…

 

“อีพี่! เอากะเพรามาอีก!”

“กำลังเด็ดอยู่ รอเดี๋ยว!”

เสียงตะหลิวปลิวกระทบถ้วยสังกะสีข้างตัวฉัน

“เดี๋ยวอีกแล้ว! เดี๋ยว! เดี๋ยว! มึงจะสำออยอ้อยอิ่งไปถึงไหน! ทำอะไรชักช้า หมาที่ไหนจะมารอมึง!”

แล้วเราก็เริ่มต้นทะเลาะกัน…อีกวัน…ทุกวัน…ด่ากัน ทำร้ายกัน พร้อมๆ กับการอยู่ด้วยกัน เพื่อฝันถึงอนาคต